บทที่ 4 OSI โมเดล
4.1 OSI โมเดล
OSI ย่อมาจาก Open
System Interconnection เป็นแบบจำลองของการเชื่อมต่อระหว่างระบบแบ่งเป็น
7 ชั้น เพื่อใช้
กำหนด
เป็นมาตรฐานให้กับระบบต่างๆ
ให้สามารถทำงานและติดต่อถึงกันได้ โดยชั้นของ OSI Model มีไว้เพื่อใช้อ้างอิงการทำงานในการเชื่อมต่อ
ระหว่างระบบในแต่ละชั้นการทำงาน
ทั้งนี้เพื่อช่วยลดขนาดของปัญหาในการเชื่อมต่อให้เล็กลง
ลองนึกดูถ้าเราไม่มีการแบ่งชั้นการทำงานหาก
มีปัญหาเกิดขึ้นมาเราไม่สามารถ
รู้ได้ว่าปัญหาเกิดขึ้นที่ไหน จะเริ่มแก้ปัญหาจากที่ใด
การใช้เวลาในการแก้ปัญหาก็ต้องใช้เวลานาน
แต่ถ้าเราแบ่งการทำงานออกเป็นส่วนย่อย
ๆ หากมีปัญหาเกิดเราก็สามารถรู้ได้ว่าปัญหาเกิดที่ส่วนใด
การแก้ปัญหาก็สามารถทำได้รวดเร็วขึ้น
และความสำคัญอีกข้อหนึ่งของ
OSI Model คือ
เพื่อให้ผู้ผลิตแต่ละรายสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่สามารถทำงานร่วมกันได้และ
ไม่จำเป็นต้องเริ่มต้นจากศูนย์และต้องทำให้ครบทุกองค์ประกอบ
แต่สามารถพัฒนาขึ้นมาเพียงชั้นเดียวจากจำนวน 7 ชั้นแล้วนำไปใช้งาน
ร่วมกับชั้นอื่นที่มีการพัฒนาไว้แล้วโดยหลักการแล้วแต่ละ
ชั้นจะติดต่อกับชั้นในระดับเดียวกันที่อยู่บนเครื่องอีกเครื่องหนึ่ง
แต่ในทางปฏิบัติแต่ละ
ชั้นที่อยู่ติดกัน(บนหรือล่าง)เท่านั้นที่จะมีการ
ติดต่อกันจริง จะยกเว้นก็แต่ชั้นล่างสุดคือชั้น Physical ที่จะติดต่อกับชั้น Physical
ของอีกเครื่องหนึ่งได้
4.2 Physical layer
Physical
Layer – คือชั้นสุดท้ายเป็นชั้นของสื่อที่ใช้ในการติดต่อสื่อสาร
ซึ่งอาจจะเป็นทั้งแบบที่ใช้สายหรือ
ลำดับชั้นฟิสิคัล
คือลำดับชั้นทางกายภาพ ซึ่งเป็นส่วนที่เกี่ยวข้องกับการส่งกระแสบิต
บนตัวกลางสื่อสารซึ่งเกี่ยวข้องกับคุณสมบัติ
ทางกลและทางอิเล็กทรอนิกส์ใน
การอินเตอร์เฟซและตัวกลางที่ใช้ส่งข้อมูลรวมถึงการกำหนดหน้าที่และขั้นตอน
การทำงานของอุปกรณ์ที่จะต้อง
อินเตอร์เฟซเพื่อการปฏิบัติงานเมื่อเกิด
การส่งข้อมูลตัวอย่างเช่นรายละเอียด RS -232 , รายละเอียดของฮาร์ดแวร์บนเครือข่าย
เป็นต้น
4.3 Data link layer
Data Link Layer - ชั้นนี้จัดเตรียมข้อมูลที่จะส่งผ่านไปบนสื่อตัวกลาง
ลำดับชั้นดาต้าลิงก์
คือลำดับชั้นเชื่อมโยงข้อมูล
โดยมีหน้าที่การส่งมอบข้อมูลในลักษณะ Node – to – Nodeซึ่งจะกำหนดกฎเกณฑ์สำหรับการขาถึงและการใช้งานบนชั้นฟิสิคัล
ด้วยการจะจัดการกับข้อมูลอย่างไรให้อยู่ในรูปแบบของเฟรม
เพื่อจะจัดส่งเฟรมนี้อย่างไรบนเครือข่าย
โดยต้องมีความวางใจได้ถึงการนำพาข้อมูลจาก
ลำดับชั้นฟิสิคัลที่ปราศจากข้อผิด พลาดใด ๆ
เพื่อบริการให้กับลำดับชั้นที่สูงขึ้นไป ซึ่งก็คือลำดับชั้นเน็ตเวิร์กนั่นเอง
4.4 Network layer
Network Layer - ชั้นที่สามจะจัดการการติดต่อสื่อสารข้ามเน็ตเวิร์ค
ซึ่งจะเป็นการทำงานติดต่อข้ามเน็ตเวิร์คแทนชั้นอื่นๆที่อยู่ข้างบน
ลำดับชั้นเน็ตเวิร์ก
สำหรับลำดับชั้นเน็ตเวิร์กหรือชั้น
เครือข่ายนี้จะรับผิดชอบเกี่ยวกับการส่งแพ็กเก็ตจากต้นทางไปยังปลายทางทาง
ผ่านเครือข่ายหลาย ๆ เครือข่ายด้วยกัน
ความแตกต่างระหว่างลำดับชั้นดาต้าลิงก์และเน็ตเวิร์กก็คือ
หน่วยข้อมูลบนลำดับชั้นเน็ตเวิร์กนี้จะถูกแบ่งออกเป็นส่วน ๆ ที่เรียกว่า “
แพ็กเก็ต ” โดย
แต่ละแพ็กเก็ตนี้จะถูกส่งไปยังปลายทางซึ่งอาจมีเครือข่ายย่อยต่าง
ๆที่มีลิงก์มากมาย และเครือข่ายต่างชนิดกัน
ในขณะที่ลำดับชั้นดาต้าลิงก์นั้นจะส่งไปยัง
โหนดปลายทางที่อยู่บนลิงก์เดียว
กันเท่านั้น ดังนั้น
ถ้าเครือข่ายที่เชื่อมต่อกันนั้นมีการเชื่อมต่อกันบนลิงก์เดียวกัน
ก็จะใช้งานเพียงลำดับชันดาต้าลิงก์เท่านั้น
แต่อย่างไรก็ตาม หากเครือข่ายได้มีการเชื่อมต่อไปยังเครือข่ายอื่น
ๆ ก็จำเป็นต้องใช้บริการจากลำดับชั้นเน็ตเวิร์กเพื่อจัดการส่งแพ็กเก็ตไปยัง
ปลายทางในลักษณะ Source - to-
destination |
|
4.5 Transport layer
Transport
Layer - ชั้นนี้ทำหน้าที่ดูแลจัดการเรื่องของความผิดพลาดที่เกิดขึ้นจากการสื่อสาร
ซึ่งการตรวจสอบความผิดพลาดนั้นจะพิจารณาจากข้อมูลส่วนที่เรียกว่า checksum
และ อาจมีการแก้ไขข้อผิดพลาดนั้นๆ
โดยพิจารณาจาก ฝั่งต้นทางกับฝั่งปลายทาง (End-to-end)
โดยหลักๆแล้วชั้นนี้จะอาศัยการพิจารณาจาก พอร์ต (Port) ของเครื่องต้นทางและปลายทาง
ลำดับชั้นทรานสปอร์ต
เป็นลำดับชั้นเคลื่อนย้าย
ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการส่งข้อมูลในลักษณะ End – to – End ด้วยการสร้างความน่าเชื่อถือถึงการรับประกันการบริการรับส่งข้อมูล
ว่าข้อมูลที่ส่งไป นั้นถึงผู้รับแน่นอน
หากเกิดข้อผิดพลาดระหว่างการส่ง ก็จะมีการส่งใหม่
ซึ่งโดยปกติจะมีโปรโตคอลหลักอยู่ 2 ชุดด้วยกันที่ทำงานบนชั้นนี้
คือ โปรโตคอลเน็กชันเลส
ซึ่งก็คือ UDP และ โปรโตคอลเน็กชันโอเรียนเต็ด
ซึ่งก็คือ TCP
ที่กล่าวว่าโปรโตคอล
UDP เป็นโปรโตคอลชนิดคอนเน็กชันเลส ก็เพราะว่าโปรโตคอล UDP
จะไม่มีการสร้างคอนเน็กชันกับสถานีปลายทาง กล่าวคือ
ฝ่ายส่งจะส่ง
ข้อมูลทันที
โดยไม่สนใจว่าข้อมูลที่ตนส่งไปนั้นจะส่งถึงมือผู้รับหรือไม่
และหากเกิดข้อผิดพลาดในข้อมูล ผู้ที่นำข้อมูลนี้ไปใช้จะต้องดำเนินการกับปัญหาเหล่านี้แทน
ยกตัวอย่างเช่น การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรือ
E-mail ซึ่งผู้ส่งสามารถส่งอีเมลได้ในทันที
โดยผู้ส่งไม่ต้องมทีการติดต่อกับผู้รับว่าพร้อมที่จะรับข้อมูลหรือไม่
และเมลที่ส่งไปอาจ
ไปถึงปลายทางล่าช้าหรือสูญหายก็อาจเป็นไปได้
เนื่องจากไม่มีการรับประกันการส่งนั่นเอง
โดยแต่ละแพ็กเก็ตที่ส่งผ่านเครือข่ายจะอิสระกัน ดังนั้นอาจนำส่งไปยัง
เส้นทางที่แตกต่างกันในแต่ละแพ็กเก็ต
และปลายทางจะมีการรวมแพ็กเก็ตเป็นชุดเดียวกันด้วยหมายเลขลำดับ
ในขณะที่โปรโตคอล TCP ซึ่งเป็นโปรโตคอลชนิดคอนเน็กชัน
ระหว่างกันด้วยการตอบตกลงในข้อกำหนดด้านกา
สื่อสาร ไม่ว่าจะเป็นคบวามเร็วหรือแบนด์วิดธ์ในการส่งข้อมูล
จากนั้นก็จะมีการสร้างเส้นทางเพื่อลำเลียงข้อมูลและ
ดำเนินการส่งข้อมูลเป็น ลับ
โดยจะยุติการเชื่อมต่อเมื่อรับส่งข้อมูลเสร็จสมบูรณ์ นอกจากนี้ TCP จะมีกลไกในการตรวจสอบข้อมูลที่ส่งไปว่าส่งไปถึงมือผู้รับหรือไม่
และจะส่งแพ็กเก็ตรอบใหม่ไปให้ในกรณีที่แพ็กเก็ตนั้นสูญหาย
รวมถึงการกำจัดแพ็เก็ตที่ซ้ำซ้อนออกไป ยกตัวอย่างเช่น การใช้โปรโตคอล FTP
ในการโอนถ่ายข้อมูล
ซึ่งจะมีการรับประกันถึงข้อมูลสารสนเทศที่ส่งผ่านเครือข่ายที่ต้องไม่มีการ
สูญเสีย และแพ็กเก็ตจะส่งไปถึงปลายทางตามลำดับ
4.6 Session layer
Session
Layer - ชั้นที่ห้านี้ทำหน้าที่ในการจัดการกับเซสชั่นของโปรแกรม
ชั้นนี้เองที่ทำให้ในหนึ่งโปรแกรม
ยกตัวอย่างเช่น โปรแกรมค้นดูเว็บ (Web browser) สามารถทำงาน
ติดต่ออินเทอร์เน็ตได้พร้อมๆกันหลายหน้าต่าง
ลำดับชั้นเซสชัน
เป็นลำดับชั้นควบคุมหน้าต่างการสื่อ สาร
การจัดการการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ซึ่งตั้งแต่ชั้นเวสชันขึ้นไปนี้
จะทำหน้าที่บริการหรือคอยอำนวยความสะดวกให้
แก่ผู้ใช้ โดยหลาย ๆ เซสชันนี้อาจเกิดขึ้นได้จากการทำงาน
ของคนเพียงคนเดียวหรือหลาย ๆ คน ก็ได้
เช่น การล็อกอินแบบรีโมต
เพื่อเข้าใช้บริการจากโฮสต์
ก็ถือเป็นเซสชันหนึ่งที่ประกอบด้วยขั้นตอน |
|
4.7 Presentation layer
Presentation Layer - ชั้นที่หกเป็นชั้นที่รับผิดชอบเรื่องรูปแบบของการแสดงผลเพื่อโปรแกรมต่างๆ
ที่ใช้งาน
ระบบเครือข่ายทำให้ทราบว่าข้อมูลที่ได้เป็นประเภทใด
เช่น [รูปภาพ,เอกสาร,ไฟล์วีดีโอ]
ลำดับชั้นพรีเซ็นเตชัน
เป็นลำดับชั้นนำเสนอที่เกี่ยวข้อง
กับรูปแบบ และความหมาย ของสารสนเทศที่แลกเปลี่ยนกันระหว่าง
สองระบบเป็นสำคัญ เช่น
ข้อมูลในรูปแบบตัวอักษร ตัวเลข และสัญลักษณ์อื่น ๆ ซึ่งไม่ใช่ข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของ
บิตไบนารีที่ในลำดับชั้นส่วนล่างมักนำไป
ใช้อ้างอิง ดังนั้นในชั้นนี้จะมีส่วนข้องเกี่ยวกับรหัสแทนข้อมูลที่คอมพิวเตอร์
แต่ละระบบอาจมี การเข้ารหัสที่แตกต่างกัน
เช่น รหัสแอสกี , รหัสยูนิโค้ด
ที่มักใช้กับเครื่องพีซีคอมพิวเตอร์หรือ
รหัสเอบซีดิค ที่ใช้บนเครื่องเมนเฟรม
แต่ด้วยหน้าที่รับผิดชอบลำดับชั้นพรีเซ็นเตชัน นี้จะทำให้สามารถนำเสนอ
ข้อมูลได้อย่างเข้าใจทั้งสองอฝ่าย
ถึงแม้ว่าระบบสื่อสารกันจะใช้เครื่องมือที่มีการเข้ารหัสแทนข้อมูลที่แตกต่างกัน
ก็ตามโดยจะมีกระบวนการแปล ให้สามารถนำเสนอได้อย่างถูกต้อง
กล่าวคือ ฝ่ายส่งจะส่งข้อมูลอะไรไปก็ตาม ฝ่ายรับก็
จะได้รับข้อมูลที่มีความหมายเดียวกัน
นอกจากนี้แล้วในลำดับของชั้นพรี
เซ็นเตชันนี้ยังมีระบบความปลอดภัยในข้อมูล เช่น มีการเข้ารหัส
ข้อมูลด้วยการเปลี่ยนรูปของข้อมูลเดิมให้อยู่ในรูปแบบของข้อมูลที่มีการเข้ารหัสไว้ก่อนที่จะนำส่งไปยังเครือข่าย
และเมื่อข้อมูลส่งถึงปลายทางก็จะมีการถอดรหัสข้อมูลเพื่อให้กลับเป็นข้อมูล
ตามแบบต้นฉบับ รวมถึงการบีบอัดข้อมูล
เพื่อให้ข้อมูลมีขนาดเล็กลง
โดยเฉพาะข้อมูลที่อยู่ในรูปแบบของมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วยข้อความ
ออดิโอและวิดีโอ
เอข้อมูลถูกบีบอัดก็จะทำให้ขนาดของข้อมูลที่ต้องการส่งมีขนาดเล็กลงกว่าเดิม
ทำให้ช่วย
ลดแบนด์วิดธ์ในขณะสื่อสาร
ซึ่งส่งผลดีต่อความรวดเร็วในการสื่อสาร
4.8 Application layer
Application Layer - ชั้นที่เจ็ดเป็นชั้นที่อยู่ใกล้ผู้ใช้มากที่สุดและเป็นชั้นที่ทำงานส่งและ
รับข้อมูลโดยตรงกับผู้ใช้ ตัวอย่างเช่น ซอร์ฟแวร์โปรแกรม
ต่างๆที่อาศัยอยู่บนเลเยอร์นี้
เช่น DNS,HTTP,Browser เป็นต้น
ลำดับชั้นแอปพลิเคชัน
เป็นลับชั้นประยุกต์
ซึ่งอนุญาตให้ยูสเซอร์ที่ใช้งานซอฟต์แวร์แอปพลิเคชันตาง ๆ
สามารถเข้าถึงเครือข่ายโดยจะเรียมการเพื่อการอินเตอร์เฟซระหว่างยูสเซอร์กับ
คอมพิวเตอร์ และสนับสนุนการบริการต่าง ๆ
เช่น การส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์หรืออีเมล การรีโมตระยะไกลเพื่อข้าถึงข้อมูลหรือถ่ายโอนข้อมูล
การแชร์ฐานข้อมูลและการบริการอื่น ๆ
การบริการต่าง ๆ
ในลำดับชั้นแอปพลิเคชันมุ่งเน้นการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ใช้ด้วยโปรโตคอลต่าง
ๆ ในลำดับชั้นแอปพลิเคชัน ทำให้เราสามารถทำการส่งไฟล์
ส่งอีเมลหรืออื่น ๆ โดยไม่จำเป็นต้องทำการเขียนโปรแกรมเพื่อกระทำดังกล่าว
เช่น ในกรณีที่มีการถ่ายโอนข้อมูลระหว่างกัน ก็เพียงใช้บริการโปรโตคอล FTP
เพื่อให้เราสามารถ
ส่งไฟล์ระหว่างกันได้
การส่งเมลก็ใช้บริการ SMTP หรือการท่องเว็บด้วยโปรโตคอล
http เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ถือเป็นการบริการทางเครือข่ายในรูปแบบแอปพลิเคชันของ
โปรโตคอลนั้น ๆ |
|
|
การแบ่งชั้นใน OSI Model มีประโยชน์อย่างไรในการแก้ไขปัญหาการเชื่อมต่อ?
ตอบลบเข้าถึง Telkom University Jakarta