วันอังคารที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2556

บทที่ 13 ระบบเครือข่ายอิเทอร์เน็ต

บทที่ 13  ระบบเครือข่ายอิเทอร์เน็ต

ระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต

   13.1ที่มาของอินเตอร์เน็ต
คือ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่เป็นเครือข่ายใหญ่ และเครือข่ายย่อย จำนวนมากเชื่อมต่อกัน เป็นจำนวนหลายร้อยล้านเครื่อง ซึ่งใช้ในการติดต่อ
สื่อสารข้อมูลที่เป็นรูปภาพ ข้อความ และเสียง โดยผ่านระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ที่มีผู้ใช้งานกระจายอยู่ทั่วโลก

อินเตอร์เน็ต มีจุดเริ่มต้นมาจากเหตุผลทางการทหาร เนื่องจากในยุคสงครามเย็น เมื่อประมาณ  พ.ศ.2510 ระหว่างฝ่ายคอมมิวนิสต์ และฝ่ายเสรี
ประชาธิปไตย ซึ่งนำโดยสหรัฐอเมริกา โดยต่างฝ่าย ต่างก็กลัวขีปนาวุธ ของอีกฝ่ายหนึ่ง โดยผู้นำสหรัฐอเมริกา วิตกว่า ถ้าหากทางฝ่ายรัฐเซีย
ยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์เข้ามา ถล่มจุดยุทธศาสตร์บางจุดของตนเองขึ้นมา อาจจะทำให้คอมพิวเตอร์ ที่เชื่อมต่อกันเสียหายได้ จึงได้สั่งให้มีการวิจัย
เพื่อสร้างเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ชนิดใหม่ขึ้นมา เพื่อป้องกันความเสียหาย โดยมีจุประสงค์ว่า ถ้าคอมพิวเตอร์เครื่องใดเครื่องหนึ่ง ถูกทำลาย
 แต่เครื่องอื่นก็จะต้องใช้งานต่อไปได้ หน่วยงานที่ทำหน้าที่ดูแลระบบเครือข่าย ในขณะนั้นมีชื่อว่า ARPA (Advanced Research Projects Agency)
ดังนั้นชื่อเครือข่ายในขณะนั้น จึงถูกเรียกว่า ARPANET ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 เครือข่ายขยายใหญ่โต เพิ่มมากขึ้น จากการระดม นักวิจัยเพื่อสร้าง
มาตรฐานใหม่ขึ้นมา เพื่อความเหมาะสม จึงได้มาตรฐาน TCP/IP และนอกจากประโยชน์ด้านงานวิจัย และทางทหารแล้ว ยังได้นำมาใช้ประโยชน์ทาง
ด้านธุรกิจ และการพาณิชย์อีกด้วย ต่อมาในปี พ.ศ. 2532 ได้เปลี่ยนชื่อเป็นเครือข่ายอินเทอร์เน็ต และนำมาใช้ประโยชน์ ในการติดต่อข้อมูลข่าวสาร
มากมาย สำหรับในประเทศไทยได้มีการเริ่มต้นติดตั้งระบบอินเทอร์เน็ต เป็นครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตหาดใหญ่ เพื่อใช้ในการ
ศึกษาของมหาวิทยาลัย โดยติดต่อกับสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย โดยเชื่อมต่อเครื่องมินิคอมพิวเตอร์ เพื่อรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ กับมหา
วิทยาลัยเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลีย ในปี พ.ศ. 2530 ต่อมากระทวงวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีและพลังงาน ได้มอบหมายให้ ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็ก
ทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ (NECTEC) ให้ทุนสนับสนุน แก่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง เพื่อศึกษา ถึงการเชื่อม
ต่อเครื่องคอมพิวเตอร์ ของมหาวิทยาลัยด้านวิทยาศาสตร์ 12 แห่งเข้าเป็นเครือข่ายเดียวกันเมื่อ พ.ศ. 2531 หลังจากนั้นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
ได้เป็นเกตเวย์อินเทอร์เน็ต ในประเทศไทยและเริ่มให้บริการทางอินเทอร์เน็ต เต็มรูปแบบในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2535 และต่อมาเมื่อปี พ.ศ. 2537
การสื่อสารแห่งประเทศไทย ร่วมลงทุนกับหน่วยงานของรัฐ และเอกชน เปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตเชิงพาณิชย์ รายคือบริษัทอินเทอร์เน็ตประเทศไทย
จำกัด และบริษัท อินเทอร์เน็ต คอมเมอร์เชียล แอนด์โนว์เลจเซอร์วิส จำกัด ภายหลังเปลี่ยนชื่อเป็น KSC คอมเมอร์เชียลอินเทอร์เน็ต จำกัด

มาตรฐานการสื่อสารด้านอินเทอร์เน็ต
โปรโตคอล (Protocol) คือตัวกลาง หรือภาษากลาง ที่ใช้เป็นมาตรฐานสำหรับการสื่อสาร ในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เพื่อใช้ติดต่อสื่อสารเชื่อมโยงกัน
ระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์ นับร้อยล้านเครื่องซึ่งแต่ละเครื่องมีความแตกต่างกัน ทั้งรุ่นและขนาดของคอมพิวเตอร์ ถ้าขาดโปรโตคอลก็จะไม่สามารถที่
จะติดต่อสื่อสาร ให้เข้าใจกันได้ เพราะฉะนั้นโปรโตคอล ก็เปรียบเหมือนเป็นล่ามที่ใช้แปลภาษา ของระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต มาตรฐานนี้เรียกว่า
TCP/IP การทำงานของ TCP/IP จะแบ่งข้อมูลที่จะส่งออกเป็นส่วนย่อย ๆ เรียกว่า แพ็คเก็ต (Packet) แล้วส่งไปตามเส้นทางต่าง ๆ ในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
 โดยจะกระจายแพ็คเก็ตออกไปหลายเส้นทาง แพ็คเก็ตเหล่านี้ จะไปรวมกันที่ปลายทาง และถูกนำมาประกอบรวมกัน เป็นข้อมูลที่สมบูรณ์อีกครั้ง

ระบบไอพีแอดเดรส (IP Address) เมื่อเราต้องการสื่อสารกับคอมพิวเตอร์เครื่องอื่น เราจะต้องทราบที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์เครื่องนั้น
คอมพิวเตอร์ที่ใช้โปรโตคอล TCP/IP จะมีหมายเลขประจำเครื่องที่ไม่ซ้ำกับเครื่องอื่นในโลก มีชื่อเรียกว่า ไอพีแอดเดรส ไอพีแอดเดรสจะมีลักษณะ
เป็นตัวเลข ชุดที่มีจุด ( . ) คั่น เช่น 193.167.15.1 เป็นต้น ตัวเลขแต่ละชุด จะมีค่าได้ตั้งแต่ 0-255 คอมพิวเตอร์ ที่มีไอพีแอดเดรสเป็นของ
ตัวเองและใช้เป็นที่เก็บเว็บเพจ เราเรียกว่าเซิร์ฟเวอร์ (Server) หรือโฮสต์ (Host) ส่วนองค์กรหรือผู้ควบคุมดูแลและจัดสรรหมายเลขไอพีแอดเดรส
เราเรียกว่า อินเทอร์นิก (InterNIC)

โดเมนเนม (Domain Name) 
โดเมนเนม (Domain Name) เป็นระบบที่นำตัวอักษร ที่จำได้ง่ายเข้ามาแทนไอพีแอดเดรส ที่เป็นตัวเลข แต่ละโดเมนจะมีชื่อไม่ซ้ำกัน และมักจะถูก
ตั้งให้คล้ายกับชื่อของบริษัทหน่วยงาน หรือองค์กรของผู้เป็นเจ้าของ เพื่อความสะดวกในการจดจำชื่อ
โดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์ 
โดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์ (Domain Name Server) ถึงแม้ระบบโดเมนเนม จะทำให้จดจำชื่อได้ง่าย แต่การทำงานจริง ของอินเทอร์เน็ต ก็จำเป็นต้อง
ใช้ไอพีแอดเดรส อย่างเดิม ดังนั้นจึงจำเป็นต้องมีระบบ ที่จะทำการแปลงโดเมนเนม ไปเป็นไอพีแอดเดรส โดยจะต้องจัดการให้คอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่ง
ทำหน้าที่ในการแปลงโดเมนเนม ไปเป็นไอพีแอดเดรส เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่นี้ จะถูกเรียกว่าโดเมนเนมเซิร์ฟเวอร์ (Domain Name Server)
หรือ ดีเอ็นเซิร์ฟเวอร์ (DNS Server)
ตำแหน่งอ้างอิงเว็บเพจ 
เป็นตำแหน่งที่ใช้อ้างอิงเว็บเพจต่าง ๆ ในอินเทอร์เน็ตโดยพิมพ์ URL เข้าไปในช่อง Address ของเว็บเบราเซอร์โดย URL ประกอบด้วย ส่วน ดังนี้คือ 
     
www.hotmail.com/data.html
     www คือ การแสดงว่าขณะนี้กำลังใช้บริการ www
     hotmail คือ โดเมนเนมของเว็บไซต์ที่กำลังใช้งานอยู่
     data.html คือ ตำแหน่งของไฟล์ที่เก็บเว็บเพจหน้านั้นอยู่


การเชื่อมต่อเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ต
          การเชื่อมต่อเครื่องคอมพิวเตอร์เข้าสู่อินเทอร์เน็ตผู้ใช้จะต้องสมัครเป็นสมาชิกเครือข่ายจะต้องมีบีประจำเครื่อง (Account Number) ที่ศูนย์บริการ
แล้วเชื่อโยงคอมพิวเตอร์เข้ากับเครื่องที่ศูนย์บริการ โดยใช้สายโทรศัพท์ผ่านทางโมเด็ม (Modem) และจะมีซอฟต์แวร์ทำหน้าที่แปลงคอมพิวเตอร์ของ
ผู้ใช้เป็นเทอร์มินัลของคอมพิวเตอร์ที่ศูนย์บริการเมื่อสมัครเป็นสมาชิกแล้ว ผู้ใช้จะมี User ID หรือ User name หรือ Login name  และ Password ผู้ใช้
จะต้องจัดเตรียมและเชื่อมต่ออุปกรณ์ดังนี้
1.เครื่องคอมพิวเตอร์  ไม่จำกัดชนิดและยี่ห้อ ส่วนใหญ่ที่นิยมใช้จะใช้เครื่อง PC 
2.โมเด็ม ทำหน้าที่ช่วยให้คอมพิวเตอร์แลกเปลี่ยนข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์ได้ ความเร็วของโมเด็มเป็นความเร็วในการส่งข้อมูลผ่านสายโทรศัพท์
โมเด็มมีขนาดความเร็วต่าง ๆ กัน   โมเด็มมีขนาดความเร็วสูงตั้งแต่ 14.4 Kbps ขึ้นไป  ส่วนใหญ่แล้วจะมีความสามารถรับส่ง Fax ได้ด้วย เรียกกว่า
 Fax Modem โมเด็มที่มีความเร็วสูงจะมีราคาแพงกว่า ความเร็วของโมเด็มวัดเป็นบิดต่อวินาที (bps)
      โมเด็มแบ่งออกเป็น ประเภท คือ 
      1.โมเด็มภายใน (internal modem) เป็นการ์ดที่เสียบลงบนสล็อต (slot) ของเมนบอร์ด
      2.โมเด็มภายนอก (External nodem) เป็นกล่องขนาดเล็ก มีพอร์ต (port)  เพื่อเสียบสัญาณจากคอมพิวเตอร์เข้าโมเด็ม มีช่องสำหรับเสียบสาย
โทรศัพท์ และมีสายไฟจากโมเด็มเพื่อต่อเข้ากับไฟบ้าน
3. โทรศัพท์  เพื่อเชื่อมต่อสายโทรศัพท์เข้ากับโมเด็ม  เพื่อให้สัญญาณข้อมูลส่งผ่านสายโทรศัพท์  ดังนั้นผู้ต้องการใช้บริการอินเทอร์เน็ต  จะต้องมี
โทรศัพท์หนึ่งเลขหมายในการต่อเข้ากับอินเทอร์เน็ต
4.ซอฟต์แวร์  ในการใช้อินเทอร์เน็ตจะมีโปรแกรมที่เกี่ยวข้องอยู่ ประเภทคือ          
   1.โปรแกรมที่ใช้ในการติดต่อเพื่อจัดการส่งข้อมูลระหว่างเครื่องคอมพิวเตอร์กับอินเทอร์เน็ต  ถ้าเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้ระบบปฏิบัติการ
 Window 95 จะมีโปรแกรม dial-Up Networking ที่ใช้ในการสื่อสารอยู่แล้ว
            2. โปรแกรมที่ใช้รับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) เช่น Eudora
           3. โปรแกรมที่ใช้ค้นหาข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต เรียกกว่า บราวเซอร์ (Browser) เช่น Netscape Navigator, Internet Exploer
5.ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP : Internet Service Provider) 
ผู้ใช้จะต้องสมัครเป็นสมาชิกเครือข่ายกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต  ซึ่งเป็นศูนย์บริการให้กับสมาชิก ซึ่งมีทั้งภาครัฐและเอกชน ซึ่งผู้ให้บริการเหล่านี้
จะเชื่อมโยงกับระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตทั่วโลกโดยศูนย์บริการเหล่านี้จะต้องเสียเงินค่าเช่าสายสัญญาณไปต่างประเทศให้กับรัฐ

ข้อมูลข่าวสารบนเว็บไซต์
1. เว็บเพจ(Web Page) คือ ข้อมูลที่แสดงบนเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นเอกสารที่สามารถเชื่อมโยงไปยังหน้า อื่น ๆ ได้ 
2. เว็บไซต์ (Web Site) คือ เว็บเพจทั้งหลายที่มีอยู่ในอินเทอร์เน็ต และบรรจะไว้ในเครื่องคอมพิวเตอร์หนึ่ง ๆ เช่น เว็บไซต์ 
www.google.com
3. โฮมเพจ(Home Page) คือ เว็บเพจหลักของเว็บไซต์ ภายในโฮมเพจจะมีจะเชื่อมต่อเปิดเข้าไปชม เว็บเพจอื่น ๆ ที่อยู่ภายในเว็บไซต์นี้ได้ 
4. โปรแกรมเว็บเบราเซอร์ (Web Browser) เป็นโปรแกรมที่ทำหน้าที่ ในการเปิดเว็บเพจ และสามารถรับส่ง ไฟล์ทางอินเทอร์เน็ต โดยการแปลงภาษา
 HTML แล้วแสดงผลคำสั่งให้ออกมาเป็นรูปภาพเสียง และข้อมูล ต่าง ๆ ที่มีใช้อยู่ในปัจจุบันได้แก่ NCSA Mosaic, Netscape Navigator, Internet Explorer และ Opera 
โปรแกรมที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ Internet Explorer
5. ภาษาHTML(Hyper TextMarkup Language)เป็นภาษาที่ใช้ในการเขียนเว็บเพจ โดยสามารถใส่จุดเชื่อมโยง (Link) ไปยังเอกสารหน้าอื่น ๆ ซึ่งการเชื่อมโยงนี้ถูกเรียกว่า Hypertextหรือเอกสาร HTML ซึ่งเว็บเพจจะใช้รหัส คำสั่ง สำหรับควบคุมการแสดงผลข้อความ หรือรูปภาพในลักษณะต่าง ๆกันได้ โดยใช้สิ่งที่เรียกว่า แท็ก (Tag) ซึ่งแท็กจะกำหนด ให้เบราเซอร์แปลความหมายของรหัสคำสั่งดังกล่าว เป็นข้อมูลของเว็บเพจและคุณสมบัติ
พื้นฐานต่าง ๆ ด้วยนอกจากนี้ยังได้มีการนำเอาโค้ดภาษาโปรแกรมที่เรียกว่าสคริปต์ (Script) มาช่วยเพิ่ม ความสามารถ และสีสันให้เว็บเพจมากขึ้น 
6. WYSIWYG(What-You-See-Is-What-You-Get)โปรแกรมแบบวิสสิวิกนี้ ใช้สร้างเว็บเพจโดยการนำรูปภาพ 
หรือข้อความมาวางทับบนเว็บเพจ และเมื่อแสดงผลเว็บเพจ จะปรากฎหน้าเอกสารของเว็บเพจ เหมือนกับขณะที่ 
ทำการสร้าง การใช้งานจะใช้งานได้ง่ายกว่า การเขียนด้วยภาษา HTMLมาก โปรแกรมที่สามารถตอบสนอง การ
สร้างเว็บเพจแบบ WYSIWYG มีอยู่หลายโปรแกรมให้เลือกใช้เช่น FrontPage, Dreamweaver เป็นต้น

อินเทอร์เน็ต เป็นแหล่งที่ใช้ในการเก็บข้อมูลจำนวนมาก ที่เราสามารถค้นคว้า และรับส่งข้อมูลไปมา ระหว่างกันได้ อินเทอร์เน็ตจึงมีประโยชน์สำหรับยุคสังคมและข่าวสาร ในปัจจุบันอย่างมาก อินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่ เหมือนห้องสมุดอิเล็กทรอนิกส์ขนาดใหญ่ ส่งข้อมูลที่เราต้องการมาให้ถึงบ้านหรือที่ทำงาน ภายในไม่กี่นาที จากแหล่งข้อมูลทั่วโลก โดยจัดเป็นบริการในรูปแบบต่าง ๆ ดังนี้
1. เวิลด์ไวด์เว็บ (World Wide Web : WWW) คือบริการค้นหาและแสดงข้อมูลแบบมัลติมีเดีย บนอินเทอร์เน็ตทุกประเภท ซึ่งข้อมูลและสารสนเทศอาจจัดอยู่ในรูปแบบของข้อความ รูปภาพ หรือ เสียงก็ได้ ข้อดีของบริการประเภทนี้คือ สามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจหน้าอื่น หรือเว็บไซด์อื่นได้ง่าย เพราะใช้วิธีการของไฮเปอร์เท็กซ์ (Hypertext) โดยมีการทำงานแบบไคลเอนท์/เซิร์ฟเวอร์ (Client/Server) ซึ่งผู้ใช้สามารถค้นหาข้อมูล จากเครื่องที่ให้บริการซึ่งเรียกว่าเว็บเซิร์ฟเวอร์ โดยอาศัยโปรแกรม ที่ใช้ดูข้อมูลเว็บเบราว์เซอร์ (Web Browser) ซึ่งผลที่ได้จะมีการแสดงเป็นไฮเปอร์เท็กซ์ ซึ่งในปัจจุบันมีการผนวกรูปภาพ เสียง ภาพเคลื่อนไหว และสามารถเชื่อมโยงไปยังเอกสารหรือข้อมูลอื่น ๆ ได้โดยตรงตัวอย่างเช่น www.yahoo.comสามารถค้นหาและเชื่อมโยงข้อมูลไปยังเรื่องราวต่างๆ เช่น การศึกษาการท่องเที่ยว โรงแรมต่าง ๆ การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ ฯลฯ เป็นต้น
2. จดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Mail) หรือนิยมเรียกกันทั่วไปว่า อีเมล์” (E-mail) เป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสาร ระหว่างกัน และกันบนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด สามารถส่งข้อความ ไปยังสมาชิกที่ติดต่อด้วย โดยใช้เวลาเพียงไม่กี่นาที และสามารถแนบไฟล์ข้อมูลไปพร้อมกับจดหมายได้อีกด้วย การส่งจดหมายในลักษณะนี้ จะต้องมีที่อยู่เหมือนกับการส่งจดหมายปกติ แต่ที่ของจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ เราเรียกว่า E-mail Address
3. การโอนย้ายข้อมูล (FTP : File Transfer Protocol) เป็นรูปแบบการติดต่อสื่อสารข้อมูล บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ต อีกรูปแบบหนึ่ง ใช้สำหรับการโอนย้ายข้อมูลระหว่างผู้ใช้โปรแกรม FTP กับ FTP Server การโอนย้ายไฟล์จาก FTP Server มายังเครื่องของผู้ใช้ เรียกว่า ดาวน์โหลด (Download) และการโอนย้ายไฟล์ จากเครื่องคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้ ไปยังไปยัง FTP Server เรียกว่า อัพโหลด
4. การสืบค้นข้อมูล (Search Engine) คือ บริการที่ใช้ในการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต โดยพิมพ์ข้อความที่ต้องการสืบค้น เข้าไป โปรแกรมจะทำการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ ให้ภายในเวลาไม่กี่นาที โปรแกรมประเภทนี้เราเรียกว่าSearch Engines เพราะฉะนั้นถ้าเราไม่สามารถจำชื่อเว็บไซด์ บางเว็บได้ ก็สามารถใช้วิธีการสืบค้นข้อมูล ในลักษณะนี้ได้ เว็บไซด์ที่ทำหน้าที่เป็น Search Engines มีอยู่เป็นจำนวนมาก เช่น google.com , yahoo.com , sanook.com ฯลฯ เป็นต้น
5. การสนทนากับผู้อื่นบนอินเทอร์เน็ต จะคล้ายกับการใช้โทรศัพท์แต่แตกต่างกันที่ เป็นการสื่อสาร ผ่านเครือข่ายคอมพิวเตอร์ ซึ่งจะใช้ไมโครโฟน และลำโพงที่ต่ออยู่กับคอมพิวเตอร์ในการสนทนา
6. กระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ (News Group or Use Net) เป็นบริการกระดานข่าวอิเล็กทรอนิกส์ สำหรับผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร และแสดงความคิดเห็นลงไปบริเวณกระดานข่าวได้ มีการแบ่งกลุ่มผู้ใช้ออกเป็นกลุ่ม ๆ ซึ่งแต่ละกลุ่มจะสนใจเรื่องราวที่แตกต่างกันไป เช่นการศึกษา การท่องเที่ยว การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม การเกษตร และอุตสาหกรรม เป็นต้น
7. การสื่อสารด้วยข้อความ IRC (Internet Relay Chat) เป็นการติดต่อสื่อสารกับผู้อื่น โดยการพิมพ์ข้อความโต้ตอบกัน ซึ่งจำนวนผู้ร่วมสนทนาอาจมีหลายคนในเวลาเดียวกัน ทุกคนจะเห็นข้อความ ที่แต่ละคนพิมพ์เหมือนกับว่ากำลังนั่งสนทนาอยู่ในห้องเดียวกัน โปรแกรมที่ใช้ในการติดต่อสื่อสารได้แก่โปรแกรม mIRC โปรแกรม PIRCH และโปรแกรม Comic Chat นอกจากโปรแกรม IRC แล้ว ในปัจจุบันนี้ภายในเว็บไซต์ ยังเปิดให้บริการห้องสนทนาผ่านทางโปรแกรมเว็บเบราเซอร์ได้อีกด้วย 
ประโยชน์ที่ได้รับจากระบบเครือข่ายอินเตอร์เน็ต
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต เป็นระบบเครือข่ายที่โยงใยกันทั่วโลกซึ่ง มีบริการในด้านต่าง ๆ  มากมายไว้บริการสำหรับผู้ที่ต้องการในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่ง ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์แก่ผู้ใช้ ระบบเครือข่ายในรูปแบบต่าง ๆ  ซึ่งมีอย่างหลากหลายดังนี้
     ประโยชน์ด้านการอ่าน  บนอินเทอร์เน็ตนั้นมีบริการที่ทำให้สามารถทำการอ่านหนังสือ  วารสารและนิตยสาร  ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้มีบริการทั้งภาษาไทย  ภาษาอังกฤษ  ฯลฯ  เช่น  ComSaveving เป็นต้น
     ประโยชน์ด้านการค้นคว้าข้อมูล บนเครือข่ายอินเทอร็เน็ตนั้น   มีบริการสามารถที่จะเข้าไปใช้บริการค้นหาข้อมูล   ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้   เราสามารถที่จะเข้าไปค้นหา    ข้อมูลที่เราสนใจใน Wold Wide  Web หรือ  WWW   เช่นเข้าไปค้นหาข้อมูล อาจเป็นข้อมูลภาพและเสียง ฯลฯ ๆ อีกมากมาย
     ประโยชน์ด้านการประชาสัมพันธ์ บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น มีบริการติดต่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้  องค์การหรือหน่วยงานต่าง ๆ  นิยมสร้างเว็บไซต์ (Web Site)  บนอินเทอร์เน็ต เพื่อให้บริการข้อมูลเกี่ยวกับองค์การและบริการต่าง ๆ เพื่อใช้ในการประชาสัมพันธ์ข้อมูลของบริษัท
     ประโยชน์ด้านการส่งคำอวยพร ในเทศการต่าง ๆ  บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นมีบริการส่งการ์ดอวยพรและข้อมูลให้ผู้ใช้โทรศัพท์มือถือ ผ่านระบบ  เครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ มีบริการส่งการ์ดอวยพร อิเล็กทรอนิกส์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  ซึ่งไม่มีค่าใช้จ่าย  หรือ  การบริการฝากข้อความ  บริการส่งเพลงให้ที่ต้องการส่งให้ คนที่รับข้อมูล  
     ประโยชน์ด้านข้อมูลข่าวสาร  บนเครื่อข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น มีบริการอ่านข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ  ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจากมุมต่าง ๆ ได้ทั่วโลกโดยผ่านเว็บไซต์ต่าง    ที่ให้บริการข้อมูลข่าวสาร  เช่น CNN  ตลอดจนหนังสือพิมพ์ต่าง ๆ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศที่มีบริการข้อมูลข่าวสารที่รวดเร็ว
     ประโยชน์ด้านการสำรองข้อมูลจากอินเทอร์เน็ต บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น มีบริการดาวน์โหลดซอฟต์แวร์ต่าง ๆ (Software  Download)  ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งบริษัทผู้ผลิตมีไว้บริการ เช่น  Microsoft,   ฯลฯ ซึ่งในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตมีไว้บริการ    ผู้ที่ต้องการดาวน์โหลดโปรแกรมเพื่อไปใช้งานก็สามารถเข้าไปดาวน์โหลดเพื่อทำการศึกษาหาความรู้ที่ทันสมัย อยู่เสมอ
     ประโยชน์ด้านการค้นคว้าข้อมูลจากห้องสมุด บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น มีบริการค้นหาข้อมูลจากห้องสมุด  (Explore  Libaries)  ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งในระบบเครือข่ายมีห้องสมุดออนไลน่ต่าง    ไว้บริการเพื่อให้ผู้ที่ต้องการค้นหาข้อมูลและบริการอ่านหนังสือใหม่ ๆ  ที่มีในห้องสมุดต่าง ๆ
      ประโยชน์ด้านการผ่อนคลาย บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น มีบริการเล่นเกม    (Play  Games)  ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  ทำให้สามารถใช้บริการเกมออนไลน์  เพื่อให้ความบันเทิง  และการฝึกทักษะทางสมองซึ่งเกมออนไลน์  มีอยู่หลายประเภทด้วยกัน  เช่น  เกมเพื่อการศึกษา  ฯลฯ  เกมส์เหล่านี้จะมีส่วนช่วยกระตุ้นการพัฒนาสมองของเด็กให้เร็วขึ้น  และช่วยเสริมสร้างทักษะความคิดในเรื่องของการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ด้วยหาผู้เล่น
     ประโยชน์ด้านการซื้อสินค้า  บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นมีบริการซื้อสินค้าและบริการต่าง ๆ  (Shopping) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตซึ่งจะมีระบบการซื้อขายสินค้าผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์  โดยผู้ที่ต้องการเข้าไปซื้อสินค้าในระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นทำการเลือกรายการสินค้าที่มีไว้บริการแล้วทำการสั่งจ่ายโดยใช้บัตรเครดิตได้ทันที ซึ่งจะทำให้การซื้อขายสินค้าได้ตลอด 24 ชั่วโมง
     ประโยชน์ด้านการความบันเทิง  บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นมีบริการดูโทรทัศน์และฟังเพลง (Watch TV. And  Listen Music) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ซึ่งบนระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตสามารถดูโทรทัศน์ฟังวิทยุ  หรือดูรายการถ่ายทอดสดของสถานีโทรทัศน์ต่าง ๆ  
     ประโยชน์ด้านการแลกเปลี่ยนข้อมูล  มีบริการแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร (Exchange  Message) ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  เราสามารถรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ หรือ E-mail  กับผู้ใช้ บริการอินเทอร์เน็ตคนอื่น ๆ  ได้ทั่วโลกในเวลาอันรวดเร็ว
     ประโยชน์ด้านการการสนทนา บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้นมีบริการสนทนาออนไลน์ (Chat)  ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตรวมทั้งบริการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์  หรือ E-mail  จะได้รับความนิยมมากในขณะนี้  จะทำให้ผู้ที่ใช้บริการ Chat  สามารถที่จะพูดคุยกันได้โดยตรง เหมาะ สำหรับการติดต่อสื่อสารที่รวดเร็ว
      ประโยชน์ด้านการเรียนทางไกล  บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น มีบริการเรียนทางไกลบนอินเทอร์เน็ต (Distance  Learning)  ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  ซึ่งในปัจจุบันมหาวิทยาลัยต่าง    ในประเทศ  และต่างประเทศมีการใช้หลักสูตรการเรียนการสอนทางไกลผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  ทั้งในระดับประกาศนียบัตร ปริญญาตรี  ปริญญาโท    และปริญญาเอก  โดยที่ผู้เรียนไม่จำเป็นต้องไปเรียนที่มหาวิทยาลัย  แต่สามารถทำการเรียนผ่านระบบการเรียนการสอนทางไกลผ่านระบบออนไลน์เข้าสู่อินเทอร์เน็ตโดยเข้าเรียนตามวันและเวลาที่ทำการเรียนการสอน เช่น  วิชาคณิตศาสตร์  การสอนภาษาอังกฤษ  วิชาคอมพิวเตอร์  เป็นต้น
      ประโยชน์ด้านค้นหาที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์  บนเครือข่ายอินเทอร์เน็ตนั้น  มีบริการค้นหาที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์  ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต  ซึ่งบนอินเทอร์เน็ตมีเว็บไซต์จำนวนมากที่ให้บริการค้นหาที่อยู่ และเบอร์โทรศัพท์ของบุคคล  องค์การ  บริษัทต่าง ๆ  เพียงแค่ป้อนข้อมูลของ บุคคลที่เราต้องการค้นหา  เช่น ชื่อและนามสกุล  ชื่อเมือง  ชื่อรัฐ  และประเทศ   ลงในช่องที่กรอกข้อมูลก็สามารถที่จะทำการค้นหาได้

   

ประโยชน์ของอินเตอร์เน็ต
อินเตอร์ เน็ตเป็นเครือข่ายเหมือนเครือข่ายโทรศัพท์ที่เชื่อมโยงเข้าหากันได้ทั่วโลก ด้วยเหตุนี้การเชื่อมโยงคอมพิวเตอร์จึงกระทำได้ในทุกเครือข่ายทั่วโลก การใช้ประโยน์จากเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีมากมาย เช่น
        1) 
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ เป็นสิ่งที่ใช้กันอย่างกว้างขวาง สามารถส่งข่าวสารถึงกันได้ทั่วโลก มีแนวโน้มการขยายตัวและจำนวนผู้ใช้อย่างรวดเร็ว มีความเร็วในการส่งข่าวสารถึงกันได้มากกว่าส่งทางไปรษณีย์ปกติ
        2) 
การสนทนาแบบเชื่อมตรง ผู้ใช้งานบนเครือข่ายสามารถคุยกับคนอื่นในลักษณะโต้ตอบกันผ่านทางจอภาพและแผงแป้นพิมพ์อักขระ การพูดคุยผ่านทางตัวหนังสือมีความชัดเจนและเข้าใจกันได้
        3) 
การค้นหาข้อมูล คอมพิวเตอร์มีแฟ้มข้อมูลจำนวนมาก ข้อมูลเหล่านั้นเป็นข้อมูลที่สะสมและเก็บจากหลาย ๆ ผู้ใช้ และ มีบางส่วนที่ต้องการเผยแพร่โดยไม่คิดค่าเอกสารหนังสือหรือแม้แต่โปรแกรม คอมพิวเตอร์จำนวนมากได้รับการจัดเก็บและเผยแพร่แก่ผู้สนใจที่อยู่ในเครือ ข่ายอินเตอร์เน็ต ผู้ใช้งานทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเข้าถึงข้อมูลที่เจ้าของอนุญาตให้สำเนา มีการจัดตั้งกลุ่มผู้สนใจเฉพาะด้านกันมาก เมื่อมีกลุ่มก็มีการรวบรวมข้อมูลและเก็บไว้เผยแพร่ระหว่างกัน อินเตอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งข้อมูลแล่งใหญ่มาก
        4) 
กระดานข่าว บนเครือข่ายอินเตอร์เน็ตมีการจัดตั้งกระดานข่าวมากกว่า 2000 กลุ่ม ทุก ๆ วันจะมีผู้ส่งข่าวสารกันผ่านกระดานข่าว กระดานข่าวส่วนใหญ่แบ่งเป็นกลุ่ม เช่น กลุ่มผู้สนใจดนตรีก็มีการฝากเพลงหรือเรื่องราวเกี่ยวกับดนตรี กลุ่มวัฒนธรรม กลุ่มไทยกรุ๊ป กลุ่มผู้สนใจจักรยาน
        5) 
เกมและนันทนาการ มีการเล่นเกมแบบเครือข่าย เกมที่รู้จักกันดีคือเกมเอ็มยูดี ( Multi User Dungeon: MUD) เกมที่ผจญภัยต่างๆ ที่เล่นในเครือข่ายมีการสนทนาโต้ตอบกันในระยะห่างไกล
ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ต


        
 ปัจจุบันอินเทอร์เน็ต มีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเรา หลายๆ ด้าน ทั้งการศึกษา พาณิชย์ ธุรกรรม วรรณกรรม และอื่นๆ ดังนี้ 
ด้านการศึกษา 
         - 
สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์ และอื่นๆ ที่น่าสนใจ 
         - 
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ 
         - 
นักศึกษาในมหาวิทยาลัย สามารถใช้อินเทอร์เน็ต ติดต่อกับมหาวิทยาลัยอื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้ ทั้งที่ข้อมูลที่เป็น ข้อความ เสียง ภาพเคลื่อนไหวต่างๆ เป็นต้น 
ด้านธุรกิจและการพาณิชย์ 
         - 
ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ 
         - 
สามารถซื้อขายสินค้า ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต 
         - 
ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ ก็สามารถเปิดให้บริการ และสนับสนุนลูกค้าของตน ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้ (Shareware) หรือโปรแกรมแจกฟรี (Freeware) เป็นต้น 
ด้านการบันเทิง 
         - 
การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า Magazine o­nline รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่นๆ โดยมีภาพประกอบ ที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสาร ตามร้านหนังสือทั่วๆ ไป 
         - 
สามารถฟังวิทยุผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ 
         - 
สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์ตัวอย่างทั้งภาพยนตร์ใหม่ และเก่า มาดูได้ 



         
จากเหตุผลดังกล่าว พอจะสรุปได้ว่า อินเทอร์เน็ต มีความสำคัญ ในรูปแบบ ดังนี้ 
      
         1. 
ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic mail=E-mail) เป็นการส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ผ่านเครือข่ายอินเทอร์เน็ตโดยผู้ส่งจะต้องส่งข้อความไปยังที่อยู่ของผู้รับ และแนบไฟล์ไปได้ 
         2. 
เทลเน็ต (Telnet) การใช้งานคอมพิวเตอร์อีกเครื่องหนึ่งที่อยู่ไกล ๆ ได้ด้วยตนเอง เช่น สามารถเรียกข้อมูลจากโรงเรียนมาทำที่บ้านได้ 
         3. 
การโอนถ่ายข้อมูล (File Transfer Protocol ) ค้นหาและเรียกข้อมูลจากแหล่งต่างๆมาเก็บไว้ในเครื่องของเราได้ ทั้งข้อมูลประเภทตัวหนังสือ รูปภาพและเสียง 
         4. 
การสืบค้นข้อมูล (Gopher,Archie,World wide Web) การใช้เครือข่ายอินเทอร์เน็ตในการค้นหาข่าวสารที่มีอยู่มากมาย ใช้สืบค้นข้อมูลจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ทั่วโลกได้ 
         5. 
การแลกเปลี่ยนข่าวสารและความคิดเห็น (Usenet) เป็นการบริการแลกเปลี่ยนข่าวสารและแสดงความคิดเห็นที่ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตทั่วโลก แสดงความคิดเห็นของตน โดยกลุ่มข่าวหรือนิวกรุ๊ป(Newgroup)แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน 
         6. 
การสื่อสารด้วยข้อความ (Chat,IRC-Internet Relay chat) เป็นการพูดคุย โดยพิมพ์ข้อความตอบกัน ซึ่งเป็นวิธีการสื่อสารที่ได้รับความนิยมมากอีกวิธีหนึ่ง การสนทนากันผ่านอินเทอร์เน็ตเปรียบเสมือนเรานั่งอยู่ในห้องสนทนาเดียวกัน แม้จะอยู่คนละประเทศหรือคนละซีกโลกก็ตาม 
         7. 
การซื้อขายสินค้าและบริการ (E-Commerce = Electronic Commerce) เป็นการซื้อ - สินค้าและบริการ ผ่านอินเทอร์เน็ต 
         8. 
การให้ความบันเทิง (Entertain) บนอินเทอร์เน็ตมีบริการด้านความบันเทิงหลายรูปแบบต่างๆ เช่น รายการโทรทัศน์ เกม เพลง รายการวิทยุ เป็นต้น เราสามารถเลือกใช้บริการเพื่อความบันเทิงได้ตลอด 24 ชั่วโมง 

         
โดยสรุปอินเทอร์เน็ต ได้นำมาใช้เป็นเครื่องมือที่จำเป็นสำหรับงานไอที ทำให้เกิดช่องทางในการเข้าถึงข้อมูลที่รวดเร็ว ช่วยในการตัดสินใจ และบริหารงานทั้งระดับบุคคลและองค์กร
13.3การทำงานของอินเทอร์เน็ต
การสื่อสารข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์จะมีโปรโตคอล (Protocol) ซึ่งเป็นระเบียบวิธีการสื่อสารที่เป็นมาตรฐานของการเชื่อมต่อกำหนดไว้ โปรโตคอลที่เป็นมาตรฐานสำหรับการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต คือ TCP/IP (Transmission Control Protocol/Internet Protocol)
เครื่องคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อเข้ากับเครือข่ายอินเทอร์เน็ตจะต้องมีหมายเลขประจำเครื่อง ที่เรียกว่า IP Address เพื่อเอาไว้อ้างอิงหรือติดต่อกับเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆ ในเครือข่าย ซึ่ง IP ในที่นี้ก็คือ Internet Protocol ตัวเดียวกับในTCP/IP นั่นเอง IP address ถูกจัดเป็นตัวเลขชุดหนึ่งขนาด 32 บิต ใน 1 ชุดนี้จะมีตัวเลขถูกแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ส่วนละ 8 บิตเท่าๆ กัน เวลาเขียนก็แปลงให้เป็นเลขฐานสิบก่อนเพื่อความง่ายแล้วเขียนโดยคั่นแต่ละส่วนด้วยจุด (.) ดังนั้นในตัวเลขแต่ละส่วนนี้จึงมีค่าได้ไม่เกิน 256 คือ ตั้งแต่ 0 จนถึง 255 เท่านั้น เช่น IP address ของเครื่องคอมพิวเตอร์ของสถาบันราชภัฎสวนดุสิต คือ 203.183.233.6 ซึ่ง IP Address ชุดนี้จะใช้เป็นที่อยู่เพื่อติดต่อกับเครื่องพิวเตอร์อื่นๆ ในเครือข่าย
โดเมนเนม (Domain name system :DNS)
เนื่องจากการติดต่อสื่อสารกันกันในระบบอินเทอร์เน็ตใช้โปรโตคอล TCP/IP เพื่อสื่อสารกัน โดยจะต้องมี IP address ในการอ้างอิงเสมอ แต่ IP address นี้ถึงแม้จะจัดแบ่งเป็นส่วนๆ แล้วก็ยังมีอุปสรรคในการที่ต้องจดจำ ถ้าเครื่องที่อยู่ในเครือข่ายมีจำนวนมากขึ้น การจดจำหมายเลข IP ดูจะเป็นเรื่องยาก และอาจสับสนจำผิดได้ แนวทางแก้ปัญหาคือการตั้งชื่อหรือตัวอักษรขึ้นมาแทนที่ IP address ซึ่งสะดวกในการจดจำมากกว่า เช่น IP address คือ 203.183.233.6 แทนที่ด้วยชื่อdusit.ac.th ผู้ใช้งานสามารถ จดจำชื่อ dusit.ac.th ได้ง่ายกว่า การจำตัวเลข
โดเมนที่ได้รับความนิยมกันทั่วโลก ที่ถือว่าเป็นโดเมนสากล มีดังนี้ คือ
.com ย่อมาจาก commercial สำหรับธุรกิจ
.edu ย่อมาจาก education สำหรับการศึกษา
.int ย่อมาจาก International Organization สำหรับองค์กรนานาชาติ
.org ย่อมาจาก Organization สำหรับหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร
.org ย่อมาจาก Organization สำหรับหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร
การขอจดทะเบียนโดเมน
การขอจดทะเบียนโดเมนต้องเข้าไปจะทะเบียนกับหน่วยงานที่รับผิดชอบ ชื่อโดเมนที่ขอจดนั้นไม่สามารถซ้ำกับชื่อที่มีอยู่เดิม เราสามารถตรวจสอบได้ว่ามีชื่อโดเมนนั้นๆ หรือยังได้จากหน่วยงานที่เราจะเข้าไปจดทะเบียน
การขอจดทะเบียนโดเมน มี 2 วิธี ด้วยกัน คือ
1. การขอจดะเบียนให้เป็นโดเมนสากล (.com .edu .int .org .net ) ต้องขอจดทะเบียนกับ www.networksolution.com ซึ่งเดิม คือ www.internic.net
2. การขอทดทะเบียนที่ลงท้ายด้วย .th (Thailand)ต้องจดทะเบียนกับ www.thnic.net
โดเมนเนมที่ลงท้าย ด้วย .th ประกอบด้วย
ac.th ย่อมาจาก Academic Thailand สำหรับสถานศึกษาในประเทศไทย
.co.th ย่อมาจาก Company Thailand สำหรับบริษัทที่ทำธุรกิจในประเทศไทย
.go.th ย่อมาจาก Government Thailand สำหรับหน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาล
.net.th ย่อมาจาก Network Thailand สำหรับบริษัทที่ทำธุรกิจด้านเครือข่าย
.or.th ย่อมาจาก Organization Thailand สำหรับหน่วยงานที่ไม่แสวงหากำไร
.in.th ย่อมาจาก Individual Thailand สำหรับของบุคคลทั่วๆ ไป

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบใช้สาย (Wire Internet)
1. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตรายบุคคล (Individual Connection)
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตรายบุคคล คือ การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจากที่บ้าน (Home user) ซึ่งยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต ผู้ใช้ต้องสมัครเป็นสมาชิกกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตก่อน จากนั้นจะได้เบอร์โทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต รหัสผู้ใช้ (User name) และรหัสผ่าน (Password) ผู้ใช้จะเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตได้โดยใช้โมเด็มที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ของผู้ใช้หมุนไปยังหมายเลขโทรศัพท์ของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต จากนั้นจึงสามารถใช้ งานอินเทอร์เน็ตได้ ดังรูป


  
องค์ประกอบของการใช้อินเทอร์เน็ตรายบุคคล
1. โทรศัพท์
2. เครื่องคอมพิวเตอร์
3. ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต ซึ่งจะให้เบอร์โทรศัพท์ รหัสผู้ใช้และรหัสผ่าน
4. โมเด็ม (Modem)
โมเด็ม คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการแปลงสัญญาณ เนื่องจากสัญญาณในคอมพิวเตอร์เป็นสัญญาณดิจิทัล (Digital) แต่สัญญาณเสียงในระบบโทรศัพท์เป็นสัญญาณอนาล็อก (Analog) ดังนั้นเมื่อต้องการเข้าสู่ระบบอินเทอร์เน็ตจึงต้องใช้โมเด็มเพื่อเป็นอุปกรณ์ในการแปลงสัญญาณดิจิทัลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณอนาล็อกตามสายโทรศัพท์ และแปลงกลับจากสัญญาณอนาล็อกเป็นสัญญาณดิจิทัล เมื่อถึงปลายทาง
ความเร็วของโมเด็มมีหน่วยเป็น บิตต่อวินาที (bit per second : bps) หมายความว่า ในหนึ่งวินาที จะมีข้อมูลถูกส่งออกไป หรือรับเข้ามากี่บิต เช่น โมเด็มที่มีความเร็ว 56 Kpbs จะสามารถ รับ-ส่งข้อมูลได้ 56 กิโลบิตในหนึ่งวินาที
โมเด็มสามารถแบ่งได้ 3 ประเภท คือ
1. โมเด็มแบบติดตั้งภายนอก (External modem)
เป็นโมเด็มที่ติดตั้งกับคอมพิวเตอร์ภายนอก สามารถเคลื่อนย้ายได้สะดวก เพราะในปัจจุบันการเชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์จะผ่าน USB พอร์ต (Universal Serial Bus) ซึ่งเป็นพอร์ตที่นิยมใช้กันมาก ราคาของโมเด็มภายนอกไม่สูงมากนัก แต่จะยังมีราคาสูงกว่าโมเด็มแบบติดตั้งภายใน รูปที่ 6.3 แสดงโมเด็มภายนอก
2. โมเด็มแบบติดตั้งภายใน (Internal modem)
เป็นโมเด็มที่เป็นการ์ดคอมพิวเตอร์ที่ต้องติดตั้งเข้าไปกับแผงวงจรหลักหรือเมนบอร์ด (main board) ของเครื่องคอมพิวเตอร์ โมเด็มประเภทนี้จะมีราคาถูกว่าโมเด็มแบบติดตั้งภายนอก เวลาติดตั้งต้องอาศัยความชำนาญในการเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และติดตั้งไปกับแผงวงจรหลัก


3. โมเด็มสำหรับเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (Note Book Computer) อาจเรียกสั้นๆว่า PCMCIA modem
2. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กร (Corporate Connection)

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบองค์กรนี้จะพบได้ทั่วไปตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐและเอกชน หน่วยงานต่างๆ เหล่านี้จะมีเครือข่ายท้องถิ่น (Local Area Network : LAN) เป็นของตัวเอง ซึ่งเครือข่าย LAN นี้เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตตลอดเวลา ผ่านสายเช่า (Leased line) ดังนั้น บุคลากรในหน่วยงานจึงสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้ตลอดเวลา การใช้อินเทอร์เน็ตผ่านระบบ LAN ไม่มีการสร้างการเชื่อมต่อ (Connection) เหมือนผู้ใช้รายบุคคลที่ยังต้องอาศัยคู่สายโทรศัพท์ในการเข้าสู่เครือข่ายอินเทอร์เน็ต





 การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สาย (Wireless Internet)
1. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบไร้สายผ่านเครื่องโทรศัพท์บ้านเคลื่อนที่ PCT
เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก (Note book) และคอมพิวเตอร์แบบพกพา (Pocket PC) ผู้ใช้จะต้องมี โมเด็ม ชนิด PCMCIA ของ PCT ซึ่งทำให้ผู้ใช้สามารถใช้อินเทอร์เน็ตไร้ได้ ในเขตกรุงเทพ และปริมณฑลได้
2. การใช้งานอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือโดยตรง (Mobile Internet)
1. WAP (Wireless Application Protocol) เป็นโปรโตคอลมาตรฐานของอุปกรณ์ไร้สายที่ใช้งานบนอินเทอร์เน็ต ใช้ภาษา WML (Wireless Markup Language) ในการพัฒนาขึ้นมา แทนการใช้ภาษา HTML (Hypertext markup Language) ที่พบใน www โทรศัพท์มือถือปัจจุบัน หลายๆยี่ห้อ จะสนับสนุนการใช้ WAP เพื่อท่องอินเทอร์เน็ต ซึ่งมีความเร็วในการรับส่งข้อมูลที่ 9.6 kbps และการใช้ WAP ท่องอินเทอร์เน็ตนั้น จะมีการคิดอัตราค่าบริการเป็นนาทีซึ่งยังมีราคาแพง
2. GPRS (General Packet Radio Service) เป็นเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นเพื่อให้โทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูง และสามารถส่งข้อมูลได้ในรูปแบบของมัลติมีเดีย ซึ่งประกอบด้วย ข้อความ ภาพกราฟิก เสียง และวีดิโอ ความเร็วในการรับส่งข้อมูลด้วยโทรศัพท์ที่สนับสนุน GPRS อยู่ที่ 40 kbps ซึ่งใกล้เคียงกับโมเด็มมาตรฐานซึ่งมีความเร็ว 56 kbps อัตราค่าใช้บริการคิดตามปริมาณข้อมูลที่รับ-ส่ง ตามจริง ดังนั้นจึงทำให้ประหยัดกว่าการใช้ WAP และยังสื่อสารได้รวดเร็วขึ้นด้วย
3. โทรศัพท์ระบบ CDMA (Code Division Multiple Access) ระบบ CDMA นั้น สามารถรองรับการสื่อสารไร้สายความเร็วสูงได้เป็นอย่างดี โดยสามารถทำการรับส่งข้อมูลได้สูงสุด 153 Kbps ซึ่งมากกว่าโมเด็มที่ใช้กับโทรศัพท์ตามบ้านที่เชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตได้เพียง 56 kbps นอกจากนี้ ระบบ CDMA ยังสนับสนุนการส่งข้อมูลระบบมัลติมีเดียได้ด้วย
4. เทคโนโลยี บลูทูธ (Bluetooth Technology) เทคโนโลยีบลูทูธ ถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อใช้กับการสื่อสารแบบไร้สาย โดยใช้หลักการการส่งคลื่นวิทยุ ที่อยู่ในย่านความถี่ระหว่าง 2.4 - 2.4 GHz ในปัจจุบันนี้ได้มีการผลิตผลิตภัณฑ์ต่างๆที่ใช้เทคโนโลยีไร้สายบลูธูทเพื่อใช้ใช้ในอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์หลายๆชนิด เช่น โทรศัพท์เคลื่อนที่ คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค คอมพิวเตอร์พ็อคเก็ตพีซี
3. การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยโน้ตบุ๊ก(Note book) และ เครื่องปาล์ม (Palm) ผ่าน โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุนระบบ GPRS
โทรศัพท์มือถือที่สนับสนุน GPRS จะทำหน้าที่เสมือนเป็นโมเด็มให้กับอุปกรณ์ที่นำมาพ่วงต่อ ไม่ว่าจะเป็น Note Book หรือ Palm และในปัจจุบันบริษัทที่ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ได้มีการผลิต SIM card ที่เป็น Internet SIM สำหรับโทรศัพท์มือถือเพื่อให้สามารถติดต่อกับอินเทอร์เน็ตได้สะดวกและรวดเร็วมากขึ้น

13.4การเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต
การเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต
เมื่อท่านต้องการเข้าใช้บริการต่าง ๆในอินเตอร์เน็ตนั้นท่านจำเป็นต้องทำการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต ซึ่งการเชื่อมต่อที่นิยมกันมีอยู่สามประเภทดังนี้
  • เชื่อมต่อกันโดยตรง(Direct conection)
  • เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์แบบ Dialup IP
  • เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์แบบ Terminal Emulation
เชื่อมต่อกันโดยตรง(Direct conection)
วิธีการเชื่อมต่อแบบนี้เป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด แต่เป็นวิธีที่เสียค่าใช้จ่ายแพงที่สุด ดังนั้นจึงเหมาะกับหน่วยงานขนาดใหญ่เพราะมีงบประมาณมากพอ การเชื่อมต่อแบบนี้เป็นการเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตโดยตรงไม่ผ่านทางเครือข่ายโทรศัพท์ หรือ เครือข่ายอืน และเป็นการเชื่อมต่อตลอดเวลาคือ ตลอด 24 ชั่วโมง และ ทุกวัน จะใช้อินเตอร์เน็ตหรือไม่ใช้ก็จะเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ ทางหน่วยงานที่ต้องการใช้วิธีเชื่อมต่อแบบนี้ต้องจัดหาได้แก่

  • สายสัญญาณสื่อกลางอาจเป็นสายเช่าพิเศษ เช่น Leased Line, ISDN เป็นต้น
การเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ต
เมื่อท่านต้องการเข้าใช้บริการต่าง ๆในอินเตอร์เน็ตนั้นท่านจำเป็นต้องทำการเชื่อมต่อกับอินเตอร์เน็ต ซึ่งการเชื่อมต่อที่นิยมกันมีอยู่สามประเภทดังนี้
  • เชื่อมต่อกันโดยตรง(Direct conection)
  • เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์แบบ Dialup IP
  • เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์แบบ Terminal Emulation
เชื่อมต่อกันโดยตรง(Direct conection)
วิธีการเชื่อมต่อแบบนี้เป็นวิธีที่ทรงประสิทธิภาพที่สุด แต่เป็นวิธีที่เสียค่าใช้จ่ายแพงที่สุด ดังนั้นจึงเหมาะกับหน่วยงานขนาดใหญ่เพราะมีงบประมาณมากพอ การเชื่อมต่อแบบนี้เป็นการเชื่อมต่อเข้ากับอินเตอร์เน็ตโดยตรงไม่ผ่านทางเครือข่ายโทรศัพท์ หรือ เครือข่ายอืน และเป็นการเชื่อมต่อตลอดเวลาคือ ตลอด 24 ชั่วโมง และ ทุกวัน จะใช้อินเตอร์เน็ตหรือไม่ใช้ก็จะเชื่อมต่ออยู่ตลอดเวลา สิ่งที่ ทางหน่วยงานที่ต้องการใช้วิธีเชื่อมต่อแบบนี้ต้องจัดหาได้แก่
  • สายสัญญาณสื่อกลางอาจเป็นสายเช่าพิเศษ เช่น Leased Line, ISDN เป็นต้น
  • อุปกรณ์เชื่อมต่อเข้ากับสายสัญญาณสื่อกลาง อุปกรณ์ที่ว่านี้คือ Router ซึ่งทำหน้าที่เป็น Gateway สู่อินเตอร์เน็ต 
การเชื่อมต่อทำได้โดยใช้อุปกรณ์ Routerทำการเชื่อมคอมพิวเตอร์ของหน่วยงานหรือ เน็ตเวิร์กของหน่วยงานเข้ากับสายสัญญาณสื่อกลาง สำหรับสายสัญญาณสื่อกลางนี้จะต่อไป ยังหน่วยงานผู้ให้บริการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตหรือ Internet Service Provider (ISP) เนื่องจากว่า ISP มีวงจรที่เชื่อมต่อไปยังอินเตอร์เน็ต ดังนั้นเมื่อเชื่อมต่อแล้วคอมพิวเตอร์ทุกเครื่องในเน็ตเวิร์ก ของหน่วยงานนั้น ก็จะสามารถติดต่อกับอินเตอร์เน็ตได้ตลอดเวลา

เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์แบบ Dialup IP
การเชื่อมต่อวิธีนี้เป็นการเชื่อมต่อแบบไม่ตลอดเวลา เมื่อไรที่ต้องการใช้อินเตอร์เน็ตก็ค่อยทำการ เชื่อมต่อ และเมื่อเลือกใช้ก็ค่อยยกเลิกการเชื่อมต่อ วิธีนี้เหมาะกับหน่วยงานที่ไม่มีงบประมาณพอ ที่จะใช้วิธีแรกหรือหน่วยงานขนาดเล็ก หรือบุคคลทั่วไปอาจใช้วิธีนี้เพราะว่าเสียค่าใช้จ่ายไม่แพง
การเชื่อมต่อวิธีนี้ใช้ผ่านทางเครือข่ายโทรศัพท์คือเมื่อไรที่ต้องการใช้อินเตอร์ก็ให้หมุนโทรศัพท์ติดต่อไป สิ่งแรกที่ท่านที่ต้องการใช้อินเตอร์เน็ตวิธีนี้ต้องทำคือ ต้องไปสมัครเป็นสมาชิกของหน่วยงานผู้ให้บริการ อินเตอร์เน็ต หรือ ISP(Internet service provider) เจ้าใดเจ้าหนึ่ง เมื่อสมัครเป็นสมาชิกแล้ว ทางISP จะให้ชื่อผู้ใช้(user account) และรหัสผ่าน(password) พร้อมทั้งเบอร์โทรศํพท์สำหรับติดต่อใช้อิน เตอร์เน็ต เบอร์โทรศัพท์ที่ว่านี้บางทีอาจมีเป็นร้อยเบอร์ หรือพันเบอร์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าISPมีสมาชิก มากน้อยเท่าไร
เชื่อมต่อผ่านเครือข่ายโทรศัพท์แบบ Terminal Emulation
การเชื่อมต่อวิธีนี้จะมีค่าใช้จ่ายถูกที่สุด ลักษณะการเชื่อมต่อเหมือนกับวิธีที่สอง คือผ่านทางเครือข่ายโทรศัพท์ มีข้อแตกต่างจากวิธีที่สองอยู่ตรงที่รูปแบบการใช้งาน มีรูปแบบเดียวคือต้องใช้ในแบบ text เท่านั้น ไม่สามารถใช้ในแบบกราฟิกได้ บริการอะไรก็ตามในอินเตอร์เน็ตก็ตามที่เป็นมีลักษณะการใช้งาน เป็นแบบกราฟิก จะใช้ไม่ได้ในการเชื่อมต่อวิธีนี้ เช่น Web เป็นต้น ส่วนบริการที่มีลักษณะการใช้งานเป็น text ย่อมสามารถใช้ในการติดต่อวิธีนี้ได้ เช่น จดหมายอิเล็คโทรนิคส์ (E-mail) เป็นต้น ดังนั้นบางแห่งจึงเรียกการเชื่อมต่อวิธีนี้ว่า การติดต่อแบบไปรษณีย์เท่านั้น (E-mail Only Connection)
 13.5 การเตรียมตัวก่อนเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
ก่อนที่จะเริ่มติดตั้งอินเทอร์เน็ต เราจะต้องเตรียมอุปกรณ์ หรือสิ่งที่จำเป็นต่างๆ ให้พร้อมเสียก่อน สิ่งที่จำเป็นในการติดตั้งอินเทอร์เน็ต มีดังต่อไปนี้

1. 
เครื่องคอมพิวเตอร์
        เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ขายกันท้องตลาดส่วนใหญ่จะสามารถใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ทั้งสิ้น คุณสมบัติของเครื่อง อย่างน้อยควรเป็นPentium II ขึ้นไป มีหน่วยความจำไม่ต่ำหว่า 64 Mb
2. โมเด็ม (Modem)
        
โมเด็มเป็นอุปกรณ์ในการส่งข้อมูลโดยแปลงสัญญาณ ดิจิตอลพอร์ตอนุกรมเป็นสัญญาณอนาล็อกส่งออกไปตามสายตัวโทรศัพท์และเมื่อถึงโมเด็มปลายทาง ตัวโมเด็มก็จะ แปลงสัญญาณอนาล็อกกลับเป็นดิจิตอลอีกครั้ง โมเด็มมีให้เลือกใช้งาน 2 แบบ
2.1 โมเด็มภายนอก (External Modem)  เป็นโมเด็มที่ติดตั้งอยู่ภายนอกเครื่องคอมพิวเตอร์ ติดตั้งง่าย การทำงานจะมีประสิทธิภาพดี ข้อเสีย คือ มีราคาแพง ซึ่งสามารถติดต่อได้ทั้งพอร์ต Com 1 และพอร์ต Com 2 2.2 โมเด็มภายใน (Internal Medem) เป็นโมเด็มที่ติดตั้งภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ มีลักษณะเป็นการ์ด ข้อดี มีราคาถูก แต่ติดตั้งลำบาก และมีประสิทธิภาพการใช้งานต่ำกว่าโมเด็มภายนอก มีลักษณะเป็นการ์ดเสียบเหมือนกับการ์ด ทั่วๆไปเหมาะสำหรับผู้ที่มีความรู้ทางด้านคอมพิวเตอร์พอสมควร เพราะโมเด็มประเภทนี้จะติดตั้งยากและ มักจะมีปัญหาเกี่ยวกับการชนกันระหว่างอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆโมเด็มที่ใช้งานควรมีคุณลักษณะตามมาตรฐาน ดังนี้
        1. ความเร็วไม่น้อยกว่า 56 Kbps
        2. 
อย่างน้อยต้อง ใช้กับ Protocol v.90
        3. 
รับ-ส่ง Fax 14.4 Kbps ตามมาตรฐาน v.7 ขึ้นไป
        4. 
มีมาตรฐานของ v.42 (Correction) และ v.42 bis (Compression)
3. คู่สายโทรศัพท์
ต้องใช้คู่สายโทรศัพท์ 1 หมายเลขที่ใช้ปกติอยู่ตามบ้านหรือจะเช่าคู่สายโทรศัพท์สำหรับ เชื่อมต่อสัญญาณกับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตหรือ ISP เพิ่มก็ได้ เพราะจะได้แยกการใช้โทรศัพท์ธรรมดากับโทรศัพท์ที่ใช้กับเครื่องต่ออินเทอร์เน็ต อย่างไรก็ตามคู่สาย โทรศัพท์ยังมีการให้เลือกใช้อีกหลายระดับซึ่งสามารถเช่าคู่สายเฉพาะที่จะใช้ต่อเชื่อมสำหรับระบบ คอมพิวเตอร์ เช่น สายต่อลีดส์ลาย (Leased Line) สายจากระบบ Data Net และสายแบบ ISDN (Integrated Service Digital Network)เป็นต้น แต่การใช้คู่สายพิเศษดังกล่าวจะต้องมีการปรับเปลี่ยนอุปกรณ์อื่น ๆ ซึ่งเหมาะกับผู้ใช้ใน ระดับองค์กรมากกว่าผู้ใช้ทั่วไป
4. ซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานบนอินเทอร์เน็ต
        
     หมายถึงโปรแกรมที่ใช้ในการปฏิบัติงานบนอินเทอร์เน็ต ได้แก่ Internet Explorer, ICQ เป็นต้น 
5. Internet Account
        Internet Account 
คือ บัญชีผู้ใช้ที่แต่ละแห่งอนุญาตให้เจ้าของบัญชีมีสิทธิในการใช้บริการต่างๆ ถ้าเป็นบัญชีผู้ใช้อินเทอร์เน็ต จะหมายถึง ผู้ใช้คนนั้นจะมีชื่อในการล็อกอิน (Login Name, User Name) และรหัสผ่าน (Password) เพื่อเข้าไปใช้บริการอินเทอร์เน็ตได้ ในการใช้งานอินเทอร์เน็ต เราจะต้องสมัครเป็นสมาชิกของผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตที่อยู่ในเขตจังหวัดนั้นเสียก่อน ผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ต หรือ ISP มีอยู่หลายราย แต่ละรายก็มีความเร็วในการใช้งานแตกต่างกันออกไป รวมทั้งราคาค่าบริการการใช้งานก็แตกต่างกันไปด้วยในการใช้งานอินเทอร์เน็ตได้นั้น เราจะต้องสมัครเป็นสมาชิกของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP) ที่มีอยู่ในเขตจังหวัดนั้นเสียก่อน ซึ่งผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตก็อยู่ด้วยกันหลายราย แต่ละรายก็มีความเร็วในการใช้งานแตกต่างกันไป รวมทั้งราคาการใช้งานก็จะแตกต่างกันเช่นกัน การคิดราคาการใช้งานนั้น โดยส่วนใหญ่จะคิดเป็นรายชั่วโมง ประมาณชั่วโมงละ 15 ถึง 50 บาท ขึ้นอยู่กับคุณภาพของการใช้งาน
การติดตั้งโมเด็ม
1.โมเด็ม 56 K
โมเด็ม 56K Message ของ U.S.Robotics อุปกรณ์สื่อสารที่เหมาะสำหรับการใช้งานทั้งที่บ้านและที่ทำงาน ด้วยฟีเจอรืใหม่ล่าสุดที่ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ เป็นพร้อมทั้งโมเด็ม 56K Message และเครื่องตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติ และรับแฟกซ์
U.S.Robotics รุ่นนี้เป็นโมเด็มแบบเอ็กซ์เทอร์นอลความเร็ว 56K สนับสนุนความเร็วมาตรฐานทั้ง V.90 และ X2 โดดเด่นด้วยขนาด6.75x1.25x4.25 นิ้ว
เริ่มต้นกับโมเด็ม U.S.Robotics มาดูที่การติดตั้ง สามารถทำผ่านพอร์ต RS-232C กับเครื่องคอมพิวเตอร์ โดยมีฟังก์ชั่นปลั๊กแอนด์เพลย์ ทำให้ติดตั้งเสร็จก็พร้อมใช้งานทันที โดยไม่จำเป็นต้องติดตั้งไดรเวอร์เพิ่มเติม อีกทั้งทาง U.S.Robotics ก็จัดเตรียมไว้พร้อมสำหรับการใช้งานแล้ว
สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการฟีเจอร์อื่น ๆ ของโมเด็มตัวนี้ก็ควรติดตั้งไดรเวอร์พร้อมด้วยโปรแกรม ส่วนการต่เข้ากับสายโทรศัพท์ จะมีสาย RJ-11มาให้ 2 พอร์ต ซึ่งพอร์ตหนึ่งใช้ติดตั้งสำหรับเข้าเครื่องโทรศัพท์ และอีกพอร์ตใช้ติดตั้งเข้ากับพอร์ตจากชุมสายโทรศัพท์
เริ่มต้นทดสอบ
สำหรับการทดสอบโมเด็มครั้งนี้ เราได้ใช้กับศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตที่รองรับการทำงานโมเด็มความเร็ว 56K และที่สำคัญคือ ใครที่ใช้อินเทอร์เน็ตที่บริษัท โดยหมุนผ่านตู้สาขานั้น อาจจะต้องกล่าวคำว่าเสียใจแน่นอน เนื่องจากตู้สาขาบางรุ่นไม่สามารถรองรับความเร็วขนาด56K ได้
ในการทดสอบโมเด็ม 56K Message เมื่อคุณหมุนไปยังศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตแล้ว ตัวโมเด็มจะมีฟังก์ชั่นให้ปรับระดับเสียงการใช้งาน โดยจะปรับระดับเสียงของโมเด็มให้ค่อย หรือดังได้ ส่วนความเร็วในการทดสอบจะอยู่ในระดับ 50 ขึ้นไป แต่อาจจะลดลงบ้างตามช่วงเวลาที่ใช้งาน นอกจากนี้คุณสมบัติที่เพิ่มเติมขึ้นในส่วนของเครื่องตอบรับโทรศัพท์ ซึ่งคุณสามารถติดตั้งโปรแกรมที่ทาง U.S.Robotics ให้มา เพื่อเริ่มต้นใช้งานเป็นเครื่องตอบรับโทรศัพท์อัตโนมัติ ที่รองรับการฝากข้อความได้ถึง 20 นาที
พบฟังก์ชั่นรับส่งแฟกซ์
หลังจากที่ใช้โมเด็นในการท่องโลกอินเทอร์เน็ต ก็ยังสามารถปรับโมเด็มได้ซึ่งสามารถรับแฟกซ์อัตโนมัติ โดยสามารถบันทึกการรับแฟกซ์ได้มากถึง 50 แผ่น และยังสามารถฟอร์เวิร์ดการรับแฟกซ์จากเครื่องที่ใช้งานอยู่เป็นประจำโดยผ่านโมเด็มรุ่นนี้ไปยังเครื่องแฟกซ์เครื่องอื่น ๆ ได้ทันทีที่คุณต้องการ
โดยการทำงานของฟังก์ชั่นต่าง ๆ จะดำเนินไปทั้งขณะปิดและเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ และสามารถส่งข้ความไปยังที่อื่น ๆ ได้ทันทีที่ได้รับแฟกซ์ นอกจากนี้ใครที่เกิดต้องมีธุระต้องออกไปข้างนอก เกิดต้องการเช็กข้อความที่ฝากไว้ก็สามารถหมุนโทรศัพท์เข้ามาเช็กข้อความได้ทันที แม้ขณะนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณจะปิดอยู่ก็ตาม
ประสิทธิภาพของโมเด็ม
แม้ประสิทธิภาพของ 56 Kbps ของ U.S.Robotics รุ่นนี้จะไม่แตกต่างจากโมเด็มรุ่นอื่น ๆ แต่มีอย่างหนึ่งที่โดดเด่นกว่า คือมีสถานะของโมเด็มบอกให้คุณทราบ (3Com Modem Manager) ซึ่งใน 3Com Modem Manager จะบอกความเร็วของโมเด็มที่ติดต่ออยู่กับศูนย์บริการอินเทอร์เน็ตที่ใช้งานอยู่ ลักษณะโมเด็มพร้อมทั้งถ้าต้องการอัพเดตความเร็วใหม่ 3Com Modem Manager จะช่วยให้คุณเป็นอย่างดีเพียงคุณใช้ 3Com Modem Manager เป็นตัวช่วยอัพเดตจาก Flash ROM ที่อยู่ในโมเด็ม
ส่วนปัญหาปี 2000 นั้นหายห่วงกับโมเด็มรุ่นนี้ และเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ยังไม่มั่นใจ เนื่องจากมีการรับประกันเครื่องในช่วงปี 2000เป็นเวลา 3 เดือนหลังจากเปลี่ยนช่วงเวลาวันที่ 31 ธันวาคม 1999 ไปเป็น 1 มกราคม 2000 และในวันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2000 จนถึง 1 มีนาคม2000 สำหรับใครที่กำลังมองหาโมเด็มความเร็ว 56 K ตัวใหม่ U.S.Robotics 56K Message เป็นอีกเครื่องหนึ่งที่น่าพิจารณาเป็นอย่างมาก

2.โมเด็ม ADSL (โมเด็ม Hi-Speed)
การติดตั้ง ADSL Modem
                สำหรับผู้ใช้งานตามบ้านแล้ว การปรับเปลี่ยนการใช้งานอินเตอร์เน็ตแบบ High Speed ดูจะเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย เมื่อเทียบกับคุณภาพที่ได้รับกับราคา ถือว่าเป็นสิ่งดีๆ ที่ทำให้เราสามารถค้นหาข้อมูลทางอินเตอร์เน็ต หรือรับส่งเมล์ได้สะดวกมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับนักเรียน นิสิต นักศึกษาที่จำเป็นต้องมีการศึกษาหาข้อมูลผ่านอินเตอร์เน็ต สิ่งสำคัญคือ ช่วยย่นเวลาในการค้นหาข้อมูลได้อย่างมากเลยทีเดียว ถ้าคุณเป็นผู้หนึ่งที่ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเป็นมาใช้ High Speed สิ่งหนึ่งที่ประสบปัญหาคือ ความเป็นมือใหม่ แม้กระทั่งมือเก่าอย่างผม ก็ยังเคยเจอปัญหาบ้างเหมือนกัน โดยเฉพาะในการติดตั้ง ADSL Modem ให้ทำงาน เพื่อให้สามารถลดปัญหานี้ ลองมาศึกษาวิธีการติดตั้งกันดีกว่า 
ความเหมือน และแตกต่างของ ADSL Modem กับ Modem ธรรมดา
ความแตกต่าง
·         ADSL Modem กับ Modem ที่เราใช้งานปกติ ไม่สามารถใช้งานร่วมกันได้ (คนละประเภท)
·         ADSL Modem ไม่สามารถใช้ในการรับ-ส่งแฟ็กซ์ได้ เหมือนกับ Modem ธรรมดา
·         ราคาของ ADSL Modem จะแพงกว่า Modem ธรรมดามากพอสมควร
ความเหมือนกัน
·         การติดตั้ง ADSL Modem จะต้องมีการติดตั้ง driver เช่นเดียวกับ Modem ธรรมดา
·         การต่อสายสัญญาณของโทรศัพท์ และการต่อเข้ากับคอมพิวเตอร์ จะมีวิธีการเหมือนกัน
 ขั้นตอนการติดตั้ง ADSL MODEM 
1.             เริ่มต้น ต่อสาย USB Port ด้านหนึ่งเข้ากับ ADSL MODEM อีกด้านต่อสายเข้ากับ USB Port ของคอมพิวเตอร์
2.             ถอดสายโทรศัพท์จากตัวเครื่องโทรศัพท์ออกมา ต่อในช่อง LINE ของอุปกรณ์ที่เรียกว่า splitter (ที่มีด้านเดียว)
3.             นำสายโทรศัพท์อีกเส้นหนึ่งที่มี มาต่อเข้ากับช่อง MODEM ของกล่อง splitter และนำสายอีกด้านไปต่อเข้ากับ ADSL MODEM
4.             นำสายโทรศัพท์จากตัวเครื่องรับโทรศัพท์มาต่อเข้ากับ เครื่องรับโทรศัพท์ (เพื่อให้สามารถใช้งานได้ทั้ง ADSL MODEM และ โทรศัพท์) 

** 
หลังจากได้มีการติดตั้งอุปกรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการติดตั้ง Driver ของ ADSL MODEM และสร้างconnection (หมายถึงการสร้าง Dial-up เช่นเดียวกับการต่อแบบโมเด็มธรรมดา)
5.             นำแผ่น driver CD ที่มีมาพร้อมกับ ADSL MODEM ใส่ และติดตั้ง driver ลงไป ทั้งนี้หลังจากติดตั้ง driver แล้ว ระบบจะมีการตรวจสอบสัญญาณ ADSL MODEM
6.             ถ้ามีการปล่อยสัญญาณจากบริษัทที่เราได้รับการขอติดตั้งแล้ว ก็จะมีสัญลักษณ์ที่ Task bar ของ Windows ปรากฏอยู่ "ADSL Connected" (ทั้งนี้ อาจจำเป็นต้องรอประมาณหนึ่งอาทิตย์ เพื่อให้ทางบริษัท TRUE หรือองค์การโทรศัพท์ มีการเชื่อมต่อสัญญาณ ADSL ก่อน)
7.             หลังจากนั้น จะต้องมีการติดตั้ง ADSL Dial-up เพื่อสร้างหน้าต่างการ Login เข้าระบบ (เช่นเดียวกับต่อ Modem ผ่านDial-up ธรรมดา) โดยทางผู้ใช้งานจะต้องขอรับ User Name และ Password จากผู้ให้บริการก่อน
                การติดตั้งใน ADSL Modem แต่ละยี่ห้อ จะไม่มีความแตกต่างกันมากนัก 
www.alro.go.th/alro/ess/upload/32/pf32_50_1.doc

3.Wireless Router Modem
 Wireless เป็นอุปกรณ์ ADSL modem หรือ ADSL router ที่รองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สาย   ในปัจจุบันมีการนิยมติดตั้ง Wireless ADSL Router ก็คือ ADSL modem + Router + Wireless Access Point เพื่อความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อ โดย router มีพอร์ตมาให้ถึง 4 พอร์ตที่ผู้ใช้สามารถ Access ใช้งานได้ตลอดเวลาอย่างรวดเร็ว (ถ้าเป็น modem จะมีพอร์ตมาให้เพียงแค่ 1 พอร์ต) โดยไม่ต้องหมุนโทรศัพท์เพราะusername และ password จะถูกคอนฟิกไว้ในตัวเราเตอร์ จึงเรียกใช้งานอินเตอร์เน็ทได้ทันที (Alway-On-Access)และสัญญาณยังเป็นอิสระในการใช้งานโดยที่ไม่ได้ไปแชร์สายสัญญาณเหมือน Cable Modem ทำให้เกิดความมั่นใจในเรื่องความปลอดภัยสูงขึ้น และเราเตอร์ยังออกแบบมาให้มีทั้งพอร์ต LAN และ USB เพื่อความสะดวกในการเลือกใช้งานเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ได้หลายประเภท แลนไร้สายมีส่วนประกอบคือ การ์ดไคลแอนด์  ซึ่งเป็นแผงวงจรขนาดเล็ก อย่างเช่น PCMCIA จะใช้ต่อเข้ากับโน้ตบุ๊กเท่านั้น และส่วนที่เป็นแอกเซสพอยต์ (Access point) เป็นจุดเชื่อมต่อที่เราสามารถนำไปไว้ส่วนไหนของบ้านก็ได้ โดยด้านหนึ่งรับสัญญาณวิทยุ และอีกด้านหนึ่งเป็นสายต่อเชื่อมเข้าสู่ระบบเครือข่าย การติดตั้งแลนไร้สายจึงทำได้ง่ายมาก
วิธีง่ายๆ เลยก็คือ 
1. 
ตั้งค่า IP Address ของ  ADSL Router/Modem และของ TL-WR542G ให้ต่างกัน เช่น   ADSL Router/Modem : 192.168.1.1   TL-WR542G : 192.168.1.2
2. Enable DHCP 
ที่ ADSL Router/Modem ให้จ่าย IP (สามารถใช้ได้ตั้งแต่ 192.168.1.3 - 192.168.1.254) ไม่ให้ซ้ำกับ IP ของเร้าท์เตอร์และwireless
3. Disable WAN , Disable DHCP  
ของ TL-WR542G
4. 
ต่อสายแลนจาก ADSL Router/Modem มาเข้าที่พอร์ต LAN ของ TL-WR542G (ขอย้ำว่าเป็นพอร์ต LAN นะครับ ไม่ได้พิมพ์ผิด)
5. 
เครื่องที่มาต่อ wireless ตั้งค่าให้รับ Auto IP การทำแบบนี้ ตัว Wireless Router จะเอา DHCP จาก ADSL Router มาจ่ายให้กับลูกข่ายครับ

การกำหนดค่าตัวเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านโมเด็ม 56 K 
56K Dial-Up Modem
56K โมเด็มเป็นการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต แบบดังเดิม โดยผู้ใช้บริการสามารถเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตโดยการหมุนโมเด็มไปยัง 
ISP 
โดยผ่านสายโทรศัพท์ แต่สำหรับผู้ใช้งานอินเตอร์เน็ตในที่พักอาศัย ต้องพบกับอุปสรรค์ในการใช้งาน 
เพราะนอกจากจะมีความเร็วต่ำแล้วโดยปกติระบบโทรศัพท์ในโรงแรมจะผ่านระบบ PABX ซึ่งโดยมากจะตัดตามระยะเวลาที่กำหนด 
ความเร็วในการเชื่อมต่อจะถูกลดทอนลง เหลือเพียง 33.6 Kbps เท่านั้นและยังมีปัญหาเดิม 
คือ สายไม่ว่าง และสายหลุดอยู่เป็นประจำ
การกำหนดค่าตัวเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตความเร็วสูง
เป็นเทคโนโลยีสำหรับผู้ที่ต้องการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงตั้งแต่ 128Kbps ไปจนถึง
4Mbps 
เลยทีเดียว ซึ่งสูงพอที่จะรองรับข้อมูลประเภทมัลติมีเดีย ซึ่งได้แก่ภาพวิดีโอและเสียงได้
และยังเป็นการสื่อสารข้อมูลในระบบดิจิตอล อีกทั้งยังไม่ต้องหมุนโทรศัพท์ก่อนการใช้งาน
เนื่องจาก ADSL เชื่อมต่อกับ ISP อยู่ตลอดเวลา เพียงทำการ Logon เท่านั้น อย่างไรก็ตามอุปกรณ์ที่ใช้เพิ่มเติมมาใช้กับระบบ
ADSL 
ซึ่งได้แก่ ADSL Modem ในกรณีที่ต้องการเชื่อมต่อเพื่อใช้งานประเภทบุคคลธรรมดา
ซึ่งราคาจะแพงกว่าโมเด็มอนาล็อกปกติพอสมควร หรือจะเป็นอุปกรณ์ ADSL Router ที่โดยมากจะใช้เชื่อมต่อเพื่อการใช้งานในระบบที่ใหญ่กว่า
ซึ่งราคาจะแพงขึ้นไปอีก ADSL มีผู้นิยมใช้กันมากที่สุดในปัจจุบัน แต่การขอใช้บริการ
ADSL 
ผู้ใช้งานจำเป็นต้องมีโทรศัพท์สายตรง ซึ่งปกติโรงแรม ส่วนใหญ่ไม่มีบริการโทรศัพท์สายตรงในแต่ละห้องพักอาศัยดั้งนั้น
ผู้เข้าพักอาศัยในโรงแรมจึงไม่สามารถใช้บริการ ADSL ได้
การกำหนดค่าตัวเชื่อมต่อผ่าน Wireless Router Modem
Wireless LAN
เป็นการให้บริการอินเตอร์เน็ตแบบไร้สายความเร็วอินเตอร์เน็ตตามมาตรฐาน IEEE 802.11b 
11Mbps 
และ 802.11g ที่ความเร็ว 54 Mbps เหมาะสำหรับรองรับการให้บริการอินเตอร์เน็ตในบริเวณ 
Lobby, 
สระว่ายน้ำหรือห้องประชุมสัมมนา ที่ไม่สามารถเดินสายได้ จุดด้อยของระบบนี้คือต้องติดตั้งอุปกรณ์ 
Access Point 
ทุกจุดที่ต้องการให้รัศมีครอบคลุมการใช้งาน รวมถึงปัญหาสิ่งที่กีดขวางต่างๆ 
เช่น ผนังห้อง, เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ ที่ทำให้ระยะทางไม่ครอบคลุมพื้นได้ทั้งหมด อีกทั้งความแรงของสัญญาณก็ไม่สม่ำเสมอและอาจก่อให้เกิดสายหลุดบ่อยๆ

13.6 กำหนดค่าการเชื่อมต่อ VPN จากคอมพิวเตอร์ไคลเอนต์


การตั้งค่าการเชื่อมต่อไปยัง VPN ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
1.       ในคอมพิวเตอร์ที่รัน Windows XP ให้ตรวจสอบว่าการเชื่อมต่อไปยังอินเทอร์เน็ตได้รับการกำหนดค่าไว้ถูกต้องแล้ว
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการทดสอบการตั้งค่าอินเทอร์เน็ต โปรดคลิกที่หมายเลขบทความต่อไปนี้เพื่อดูบทความใน Microsoft Knowledge Base:
314067 วิธีการแก้ปัญหาการเชื่อมต่อ TCP/IP กับ Windows XP
2.       คลิก Start แล้วคลิก Control Panel
3.       ใน Control Panel ให้ดับเบิลคลิกที่ Network Connections
4.       คลิก Create a new connection
5.       ใน Network Connection Wizard คลิกNext
6.       คลิก Connect to the network at my workplace แล้วคลิกNext
7.       คลิกที่ Virtual Private Network connection แล้วคลิก Next
8.       หากได้รับการแจ้ง ให้ทำอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
o    หากคุณใช้การเชื่อมต่อแบบ dial-up เพื่อเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต ให้คลิก Automatically dial this initial connection แล้วคลิกการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบ dial-up ของคุณจากรายชื่อ
o    หากคุณใช้การเชื่อมต่อตลอดเวลา เช่น เคเบิลโมเด็ม คลิกDo not dial the initial connection
9.       คลิก Next
10.    พิมพ์ชื่อบริษัทของคุณหรือพิมพ์ชื่อคำอธิบายสำหรับการเชื่อมต่อ แล้วคลิกNext
11.    พิมพ์ชื่อโฮสต์หรือแอดเดรส Internet Protocol (IP) ของคอมพิวเตอร์ที่ต้องการเชื่อมต่อไปถึง แล้วคลิกNext
12.    คลิก Anyone's use หากต้องการให้การเชื่อมต่อสามารถใช้ได้โดยใครก็ตามที่ล็อกอินเข้าใช้คอมพิวเตอร์นั้น หรือคลิกMy use onlyเพื่อให้สามารถใช้งานได้เฉพาะเมื่อคุณล็อกอินเข้าใช้คอมพิวเตอร์ แล้วคลิก Next
13.    คลิกเพื่อเลือกช่องทำเครื่องหมาย Add a shortcut to this connection to my desktop หากคุณต้องการสร้างทางลัดไว้บนเดสก์ทอป แล้วคลิก Finish
14.    หากคุณได้รับการแจ้งให้เชื่อมต่อ คลิกNo
15.    ในวินโดว์ Network Connections คลิกขวาที่การเชื่อมต่อใหม่
16.    คลิก Properties แล้วกำหนดค่าตัวเลือกอื่นๆ สำหรับการเชื่อมต่อ:
o    หากคุณทำการเชื่อมต่อไปยังโดเมน ให้คลิกแท็บ Options แล้วคลิกเพื่อเลือกช่องทำเครื่องหมาย Include Windows logon domain เพื่อระบุว่าจะขอข้อมูลล็อกอินโดเมนของ Windows ก่อนที่จะพยายามเชื่อมต่อหรือไม่
o    หากต้องการให้คอมพิวเตอร์พยายามเชื่อมต่อใหม่หากสายหลุด ให้คลิกแท็บ Options แล้วคลิกเพื่อเลือกช่องทำเครื่องหมายRedial if line is dropped
เมื่อต้องการใช้การเชื่อมต่อนี้ ให้ทำตามขั้นตอนต่อไปนี้:
1.       ใช้วิธีการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้:
o    คลิก Start เลือกที่ Connect To แล้วคลิกการเชื่อมต่อใหม่
o    หากคุณได้เพิ่มทางลัดของการเชื่อมต่อไว้บนเดสก์ทอป ให้ดับเบิลคลิกทางลัดบนเดสก์ทอป
2.       หากคุณไม่มีการเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต Windows จะเสนอการเชื่อมต่อไปยังอินเทอร์เน็ต
3.       หลังจากคอมพิวเตอร์ของคุณเชื่อมต่อไปยังอินเทอร์เน็ตแล้ว เซิร์ฟเวอร์ VPN แจ้งให้คุณใช้ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่าน พิมพ์ชื่อผู้ใช้และรหัสผ่านใหม่ แล้วคลิก Connect ทรัพยากรเครือข่ายของคุณควรจะสามารถใช้ได้เหมือนเมื่อคุณเชื่อมต่อกับเครือข่ายโดยตรง
4.       การตัดการเชื่อมต่อจาก VPN คลิกขวาที่ไอคอนสำหรับการเชื่อมต่อ แล้วคลิก Disconnect
หมายเหตุ หากคุณไม่สามารถเชื่อมต่อทรัพยากรที่แชร์ในเครือข่ายรีโมทโดยคอมพิวเตอร์ คุณสามารถใช้ไอพีแอดเดรสของคอมพิวเตอร์เพื่อเชื่อมต่อโดยการใช้ UNC (\\<IP_Address>\Share_name) แก้ไขแฟ้มโฮสต์ในโฟลเดอร์ Windows\System32\Drivers\ แล้วเพิ่มรายการเพื่อแมปไปยังชื่อเซิร์ฟเวอร์รีโมทไปยังไอพีแอดเดรส จากนั้นใช้ชื่อคอมพิวเตอร์ในการเชื่อมต่อ UNC (\\Server_name\Share_name).

13.7 การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต

การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพื่อใช้งานภายในบ้านจำเป็นต้องมีส่วนประกอบสำคัญที่จะสามารถเชื่อมต่อระหว่างผู้ใช้กับผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต เพราะการใช้อินเทอร์เน็ตนั้น จะต้องเกิดจากการเชื่อมต่อของทั้งสองฝ่ายก่อน จึงจะสามารถใช้งานได้
ประกอบด้วยส่วนประกอบที่สำคัญดังต่อไปนี้
1.อุปกรณ์คอมพิวเตอร์
2.โมเด็ม (modem)
3.โปรแกรมสำหรับการใช้งานอินเทอร์เน็ต
4.วิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต
5.การเลือกผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต (ISP)

    โมเด็ม (modem) ทำหน้าที่ คือ การแปลงข้อมูลในรูปแบบดิจิตอลของระบบคอมพิวเตอร์ให้เป็นสัญญาณในรูปแบบอะนาล็อก(Analog)เพื่อส่งไปทางสายโทรศัพท์ได้ เรียกว่า การ Modulate โดยที่ปลายทางก็จะมีโมเด็ม ทำหน้าที่แปลงสัญญาณเสียงในรูปแบบอะนาล็อกจากโทรศัพท์ให้กลับมาเป็นข้อมูลแบบดิจิตอลเพื่อใช้งานกับคอมพิวเตอร์ เรียกว่า การDemodulate
     วิธีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตที่ผ่านมาจะใช้โมเด็มแบบที่หมุนโทรศัพท์หรือที่เรียกว่า "Dial-up" เพื่อทำหน้าที่แปลงข้อมูลจากเครื่องคอมพิวเตอร์ในรูปแบบดิจิตอลให้เป็นสัญญาณในรูปแบบอะนาล็อกเพื่อส่งข้อมูลผ่านทางสายโทรศัพท์ เหมาะกับการใช้งานส่วนบุคคล ค่าใช้จ่ายและอุปกรณ์มีราคาถูก หาซื้อได้ง่ายการเชื่อมต่อแบบนี้จะใช้โมเด็มและสายโทรศัพท์พื้นฐานในบ้านในการเชื่อมต่อ จึงทำให้ในขณะทำการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ในการพูดคุยได้

            การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบบรอดแบรนด์ แบ่งได้ดังนี้
        1.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบISDN
    การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบISDN เป็นการเชื่อมต่อผ่านทางสายโทรศัพท์ที่มีการรับส่งข้อมูลด้วยสัญญาณดิจิตอล ใช้โทรศัพท์พื้นฐานทั่วไปได้ แต่ระบบโทรศัพท์พื้นฐานที่ใช้ภายในบ้านหรือสำนักงานต่างๆนั้นไม่ใช่ระบบISDN ในการใช้ระบบนี้จะต้องขอหมายเลขโทรศัพท์ใหม่ที่เป็นISDNนอกจากนี้อุปกรณ์ที่ใช้ในการเชื่อมต่อก็ต้องเป็นแบบที่รับส่งสัญญาณดิจิตอลด้วย ซึ่งมีราคาแพงกว่า

        2.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบADSL
     ADSL เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านสายโทรศัพท์แบบเดิม แต่ใช้การส่งด้วยความถี่สูงกว่าระบบโทรศัพท์แบบเดิม ชุมสายโทรศัพท์ที่ให้บริการหมายเลข ADSL จะมีการติดตั้งอุปกรณ์ คือ DSL Access Module เพื่อทำการแยกสัญญาณความถี่สูง
นี้ออกจากระบบโทรศัพท์เดิม และลัดเข้าเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตโดยตรง ส่วนผู้ใช้บริการอินเทอร์เน็ตจะต้องมี ADSL Modem ที่เชื่อมต่อกับคอมพิวเตอร์ ความเร็วในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่าน ADSL จะมีความเร็วที่ 64/128 Kbps (อัพโหลด ที่ 64 Kbps และ ดาวน์โหลด ที่ 128 Kbps) และที่ 128/256 Kbps (อัพโหลด ที่ 128 Kbps และ ดาวน์โหลด ที่ 256 Kbps) ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเลือกใช้บริการ
         
               
องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วย ADSL
1. ADSL modem 
ทำหน้าที่ในการแปลงสัญญาณ
2. Splitter 
ทำหน้าที่แยกสัญญาณความถี่สูงของ ADSL จากสัญญาณโทรศัพท์แบบธรรมดา
3. 
ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่าน ADSL ประกอบด้วย Asia Net, Loxinfo, KSC, CS Internet, Anet, Samart, JI-Net 


        3.การเชื่่อมต่ออินเทอร์เน็ตเคเบิลโมเด็ม
    เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยความเร็วสูง โดยไม่ใช้สายโทรศัพท์ แต่อาศัยเครือข่ายของผู้ให้บริการเคเบิลทีวีความเร็ว ของการใช้เคเบิลโมเด็มในการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจะทำให้ความเร็วสูงถึง 2/10 Mbps นั้น คือ ความเร็วในการอัพโหลด ที่ 2 Mbpsและความเร็วในการ ดาวน์โหลด ที่ 10 Mbps แต่ปัจจุบันยังเปิดให้บริการอยู่ที่ 64/256 Kbps
          
องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตด้วยเคเบิลโมเด็ม
            1. 
ต้องมีการเดินสายเคเบิลจากผู้ให้บริการเคเบิล มาถึงบ้าน ซึ่งเป็นสายโคแอกเชียล (Coaxial )
            2. 
ตัวแยกสัญญาณ (Splitter) ทำหน้าที่แยกสัญญาณคอมพิวเตอร์ผ่านเคเบิลโมเด็ม
            3. Cable modem 
ทำหน้าที่แปลงสัญญาณ
            4. 
ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตผ่านเคเบิลโมเด็ม ในปัจจุบัน มีเพียงบริษัทเดียว คือ บริษัทเอเชียมัลติมีเดีย ในเครือเดียวกับบริษัทเทเลคอมเอเชีย ผู้ให้บริการ Asia Net

        4.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตผ่านดาวเทียม
    เป็นบริการอินเตอร์เน็ตความเร็วสูงอีกประเภทหนึ่ง ซึ่งในปัจจุบันใช้การส่งผ่านดาวเทียมแบบทางเดียว (One way) คือ จะมีการส่งสัญญาณมายังผู้ใช้ (download)ด้วยความเร็วสูง
ในระดับเมกะบิตต่อวินาทีแต่การส่งสัญญาณกลับไปหรือการอัพโหลด จะทำได้โดยผ่านโทรศัพท์แบบธรรมดา ซึ่งจะได้ความเร็วที่ 56   Kbps การใช้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียมอาจได้รับการรบกวนจากสภาพอากาศได้ง่าย
         
              
องค์ประกอบของการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตด้วยดาวเทียม
1. 
จานดาวเทียมขนาดเล็ก
2. 
อุปกรณ์รับสัญญาณจากดาวเทียมเพื่อแปลงเข้าสู่คอมพิวเตอร์
3. 
โมเด็มธรรมดา พร้อมสายโทรศัพท์ คู่สาย เพื่อส่งสัญญาณกลับ (Upload)
4.
ผู้ให้บริการอินเตอร์เน็ตผ่านดาวเทียม ในปัจจุบันมีเพียงรายเดียว คือ CS Internet ในเครื่อชินคอร์ปอเรชั่น

        5.การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบวงจรเช่า
    เหมาะกับการใช้งานสำหรับองค์กร สถาบันการศึกษาหรือระบบธุรกิจต่างๆที่มีผู้ใช้อินเทอร์เน็ตเป็นจำนวนมากโดยไม่ต้องหมุนโทรศัพท์เข้าไปยังศูนย์บริการอินเทอร์เน็ต เป็นการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตแบบถาวร







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น